เอาล่ะเพื่อนๆ! หลังจากจบภาค A Realm Reborn (ARR) ไปแบบช็อกโลก! กลุ่ม Scions แตกกระสานซ่านเซ็น เพื่อนๆ หายสาบสูญ เรา (นักรบแห่งแสง) กับ Alphinaud และ Tataru กลายเป็นผู้ร้ายที่ทางการ Eorzea ต้องการตัว! 😱 แถมยังโดนปู่มังกร Midgardsormr ยึดเอา ‘พรแห่งแสง’ ไปอีก! ชีวิตมันจะดาร์คไปไหนเนี่ย! แต่ในความมืดมิด ก็ยังมีแสงสว่างรำไร… หนทางรอดเดียวของเราคือการเดินทางขึ้นเหนือ สู่ดินแดนน้ำแข็งอันหนาวเหน็บ นครรัฐปิดที่เต็มไปด้วยอัศวินและความขัดแย้ง… Ishgard! เมืองที่กำลังทำสงครามกับมังกรมานานนับพันปี! และนี่คือจุดเริ่มต้นของมหากาพย์บทใหม่ในภาคเสริม Heavensward (HW) หรือเนื้อเรื่อง Patch 3.0 นั่นเอง! เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อ? ดราม่าจะเข้มข้นแค่ไหน? ปิงสรุปมาให้แล้ว!
ลี้ภัยสู่ Ishgard: ใต้ร่มเงา House Fortemps 🏰❄️
โชคดีที่ก่อนหน้านี้เราเคยสร้างวีรกรรม (และบุญคุณ) กับชาว Ishgard ไว้บ้าง ทำให้เมื่อเราเดินทางมาถึง ก็ได้รับความช่วยเหลือจาก House Fortemps หนึ่งในสี่ตระกูลขุนนางใหญ่ที่ปกครอง Ishgard โดยเฉพาะอย่างยิ่งจาก Haurchefant Greystone (อาร์ชฟองต์) อัศวินหนุ่มสุดหล่อ ผมทรงหัวนก (?) เพื่อนแท้คนสำคัญที่เราเคยรู้จักกันมาก่อน ❤️ ท่านลอร์ด Edmont de Fortemps พ่อของ Haurchefant ยอมให้เราและพวกลี้ภัยอยู่ในความคุ้มครองของตระกูล แต่แน่นอนว่า… ของฟรีไม่มีในโลก! เราต้องพิสูจน์ตัวเองว่าไม่ได้เป็นภัยต่อ Ishgard ด้วยการช่วยเหลือลูกชายอีกสองคนของท่านลอร์ดทำภารกิจต่างๆ นั่นเอง!
ภารกิจพิสูจน์ตัว: คุณหนูจอมขี้เกียจ vs พี่ชายสุดเข้ม 😅
ลูกชายสองคนของลอร์ด Edmont นี่นิสัยต่างกันสุดขั้วเลยเพื่อน!
- Emmanellain (เอ็มมาเนลเลน): คนน้องนี่เป็นคุณหนูตัวป่วนเลย! 🤣 ออกแนวขี้เกียจแต่อยากได้หน้า หวังจะเกาะชื่อเสียงนักรบแห่งแสงอย่างเราไปสร้างผลงาน กะจะไปช่วยอัศวิน Rose Knights บนดินแดนลอยฟ้า Sea of Clouds แต่ดันทำตัวไม่เอาอ่าวจนโดนเค้าไล่กลับมา (แถมฝากเราให้ดูแล ไม่ให้คุณหนูแกสร้างปัญหาอีก 5555) ยังไม่พอ! ยังซื่อบื้อเดินเตลิดจนโดนเผ่ามนุษย์นก Vanu Vanu จับตัวไปซะงั้น! ร้อนถึงเราต้องตามไปช่วย พาหนีตายจาก Bismarck Primal รูปปลาวาฬบินได้ตัวยักษ์! (โอ๊ย! เหนื่อยใจกับคุณหนูจริงๆ! 😂)
- Artoirel (อาร์ตัวเรล): คนพี่นี่ตรงข้ามกับน้องชายเลย เป็นคนจริงจัง ตั้งใจทำงาน มีความรับผิดชอบสูง แต่ก็แอบขี้ระแวง ไม่ค่อยไว้ใจคนนอก (รวมถึงเราด้วยในตอนแรกๆ) เราได้ไปช่วยอาร์ตัวเรลในการบูรณะป้อมปราการ Falcon’s Nest ในเขต Coerthas Western Highlands ที่ถูกทำลายไปตั้งแต่สมัย Calamity ซึ่งการบูรณะครั้งนี้ทำให้เราได้ปะทะกับกลุ่ม Heretics (ชาว Ishgard ที่หันไปนับถือบูชามังกร) และได้พบกับผู้นำของพวกเขา… Lady Iceheart (เจ๊น้ำแข็งคนเดิมจากแพทช์ก่อน!) อีกครั้ง! คราวนี้ Iceheart ไม่ได้มาสู้ แต่มาพูดคุย เผยว่าจริงๆ แล้วนางไม่ได้ต้องการทำลาย Ishgard แค่อยากจะยุติวงจรความเกลียดชังและสร้างสันติภาพระหว่างคนกับมังกรเท่านั้น! พูดจบก็หนีไปอีกตามเคย…
กลับเมืองหลวง… ก็โดนดีเลย! ข้อหานอกรีต!? ⚖️
หลังจากเสร็จภารกิจพิสูจน์ตัวเอง กลับมาถึงเมืองหลวง Ishgard กำลังจะสบายใจ… ซวยอีกแล้วเพื่อน! 😭 Alphinaud กับ Tataru ดันถูกจับกุมในข้อหาเป็นพวก ‘นอกรีต’ (Heresy) ซะงั้น! คนที่สั่งจับคือ Heaven’s Ward กลุ่มอัศวินองครักษ์ส่วนตัวของ Archbishop Thordan VII (อาร์คบิชอป ธอร์ดัน ที่ 7) ผู้นำสูงสุดของศาสนจักรและเป็นผู้มีอำนาจตัวจริงของ Ishgard! ขนาด Ser Aymeric (เซอร์ อายเมริค) ผู้บัญชาการอัศวิน Temple Knights ที่ดูเหมือนจะเป็นคนดี ยังไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย!
สถานการณ์บีบบังคับให้นักรบแห่งแสงอย่างเรา ต้องเข้าร่วมการตัดสินคดีด้วยการประลองยุทธ์ “Trial by Combat” เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้กับ Alphinaud และ Tataru! อะไรวะเนี่ย!? เพิ่งหนีจาก Ul’dah มา ก็ต้องมาสู้เพื่อเคลียร์ชื่อเสียงอีกแล้วเรอะ!? 😩 นี่แสดงให้เห็นถึงความขัดแย้งอย่างรุนแรงเลยนะ ระหว่างกลุ่ม Scions ที่ต้องการแสวงหาความจริงและสันติภาพ กับทางศาสนจักร Ishgard ที่ยึดมั่นในสงครามศักดิ์สิทธิ์ Dragonsong War กับเหล่ามังกร Dravanian มานานนับพันปี ใครที่คิดต่าง หรือพยายามจะยุติสงคราม ก็จะถูกมองว่าเป็นพวกนอกรีตนั่นเอง!
ข่าวดี (นานาโมะยังไม่ตาย!) & ข่าวร้าย (มังกรมาแล้ว!) 🎉🐲
หลังจากเราโชว์เทพ ชนะ Trial by Combat เคลียร์ข้อกล่าวหาให้เพื่อนๆ ได้สำเร็จ ก็มีข่าวดีเข้ามา! Alphinaud ได้เบาะแสเกี่ยวกับ Raubahn นายพลแขนเดียวของเราที่ถูกจองจำอยู่ที่ Ul’dah (มีเควสเสริมให้เราไปช่วย Raubahn แหกคุกที่ Halatali ด้วยนะ มันส์มาก!) และข่าวดีกว่านั้นคือ เราได้เดินทางกลับไปที่ฐานเก่า Waking Sands เพื่อพบกับ Urianger และ… เซอร์ไพรส์! Papalymo กับ Yda ยังไม่ตาย! (แค่บาดเจ็บสาหัสตอนหนี) พร้อมกับได้พบ Dewlala Dewla สมาชิกสภา Syndicate แห่ง Ul’dah ที่มาเปิดเผยความจริงสุดช็อกว่า… สุลต่าน่า Nanamo ยังไม่ตาย!!! 😱 ที่เห็นล้มไปวันนั้นคือโดน ‘ยานอนหลับ’ ที่ Lolorito (สมาชิก Syndicate อีกคน) แอบสลับยาพิษของ Teledji เพื่อขัดขวางแผนลอบสังหาร และหวังจะควบคุมสถานการณ์เอง! โอ้โห! หักมุมในหักมุม! การเมือง Ul’dah นี่มันซับซ้อนจริงๆ!
แต่ดีใจได้ไม่นาน… Tataru ก็ส่งข่าวร้ายมาจาก Ishgard ว่า กองทัพมังกร Dravanian Horde กำลังเคลื่อนพลครั้งใหญ่ เตรียมจะบุก Ishgard เต็มรูปแบบแล้ว! สงครามครั้งใหม่กำลังจะปะทุขึ้นจริงๆ แล้ว!
หาทางเจรจา: จับมือ Iceheart & Estinien สู่แดนมังกร 🤝🐉
เมื่อสงครามใหญ่กำลังจะเกิด Alphinaud เชื่อว่ากุญแจสำคัญในการยุติความขัดแย้งครั้งนี้ อาจจะอยู่ที่ Lady Iceheart (ที่ตอนนี้เรารู้ชื่อจริงนางแล้วคือ Ysayle – อิเซล) เขาจึงตัดสินใจออกตามหานางอีกครั้ง เพื่อชวนนางไปเจรจากับเหล่ามังกร!
งานนี้ไม่ได้ไปกันแค่สองคนนะ แต่ได้เพื่อนร่วมทางสุดเท่ (และสุดหัวรั้น) อย่าง Estinien Azure Dragoon (เอสติเนียง) นักรบมังกรผู้ครอบครอง ‘ดวงตาแห่งมังกร’ Nidhogg ข้างหนึ่ง มาร่วมทีมด้วย! จุดประสงค์ของ Estinien คืออยากจะไปฆ่า Nidhogg ให้สิ้นซาก แต่ก็ยอมรับข้อเสนอของ Alphinaud ที่จะลองเจรจาก่อน (แต่ก็ดูไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ 😅) ส่วน Tataru ก็ขอแยกตัวอยู่ที่ Ishgard เพื่อตามหาเบาะแสของ Scions คนอื่นๆ ต่อไป
Ysayle บอกว่า การจะไปเจรจากับ Nidhogg (นิดฮอกก์) หนึ่งในเจ็ดมังกรยิ่งใหญ่ (Great Wyrm) และเป็นผู้นำกองทัพ Dravanian Horde เนี่ย เป็นไปไม่ได้เลย เพราะ Nidhogg เกลียดชังมนุษย์เข้ากระดูกดำ! แต่! ยังมีมังกรยิ่งใหญ่อีกตนหนึ่ง ซึ่งเป็นพี่น้องกับ Nidhogg นามว่า Hraesvelgr (เฮรสเวลเกอร์) ที่อาจจะพอมีเหตุผลและเปิดใจรับฟังการเจรจาได้ พวกเราเลยตัดสินใจมุ่งหน้าไปหา Hraesvelgr แทน!
ระหว่างการเดินทางนี้เอง คริสตัลธาตุน้ำแข็งในตัวนักรบแห่งแสง (จากพรของ Hydaelyn) ก็กลับมาส่องสว่างอีกครั้ง! เป็นสัญญาณว่าเราเริ่มจะเอาชนะการปิดกั้นพลังจากปู่ Midgardsormr ได้บ้างแล้ว!
บุกป่าฝ่าดง Dravania (เจอทั้งแมลง ทั้งโมกลี่!) 🐜
การจะไปถึงถ้ำที่อยู่ของ Hraesvelgr นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย พวกเราต้องเดินทางผ่านดินแดนของเหล่ามังกรอย่าง Dravanian Forelands และตะลุยผ่านดันเจี้ยนภูเขาไฟ Sohm Al เพื่อเข้าสู่ดินแดนลอยฟ้าอันลึกลับ Churning Mists (เปิดพื้นที่ใหม่เพียบ! สวยมากขอบอก!)
ระหว่างทาง Ysayle กับ Estinien ก็เถียงกันตลอดทางเรื่องมุมมองที่มีต่อมังกรกับมนุษย์ (คนนึงอยากสันติ อีกคนอยากล้างแค้น 😅) แต่ Alphinaud ก็เชื่อมั่นว่า พลัง Echo ของเราจะช่วยเปิดเผยความจริงทั้งหมดให้กระจ่างได้ในที่สุด
ยังไม่พอ! ระหว่างทางเรายังไปเจอกับเผ่า Gnath (มนุษย์แมลง) ที่ดันไปอัญเชิญ Primal ประจำเผ่า Ravana (ราวาน่า) ออกมาอีก! แถมเจ้า Ravana นี่ก็เลือดร้อน อยากจะซัดทั้งคนทั้งมังกรเลย! เราเลยต้องจำใจเข้าไปตบ Ravana เพื่อหยุดสงครามสามเส้าซะก่อน! (สองฝ่ายตีกันอยู่ดีๆ พี่จะเรียกเทพมาตบหมดเลยเรอะ! 🤣)
หลังจากปราบ Ravana และได้รับความไว้วางใจจากมังกรบางส่วนแล้ว เราก็เดินทางมาถึง Churning Mists จนได้ ที่นี่เราได้เจอกับเหล่า Moogles แห่ง Moghome ซึ่งเป็นโมกลี่กลุ่มแรกสุดในตำนาน ที่เคยรับใช้ The Twelve มาก่อน! (ก่อนที่ Good King Moggle Mog จะพาส่วนหนึ่งย้ายไปอยู่ใน Twelveswood) พวกโมกลี่ที่นี่รับใช้มังกร Hraesvelgr อยู่ เราเลยต้องทำภารกิจพิสูจน์ตัวเองให้พวกเขายอมรับก่อน ถึงจะได้เข้าพบท่านมังกร
ความจริงอันโหดร้าย: ใครเริ่มสงครามมังกรกันแน่!? 😱
ในที่สุดเราก็ได้เข้าพบมังกรขาวผู้ยิ่งใหญ่ Hraesvelgr! แต่แทนที่จะได้รับการต้อนรับดีๆ แกกลับพังทลายความหวังของ Ysayle ด้วยการบอกว่า “เจ้าไม่ใช่ Shiva กลับชาติมาเกิดหรอกนะ เจ้าเป็นแค่เงาที่เจ้าอัญเชิญขึ้นมาเอง เหมือนที่พวก Allagan เคยอัญเชิญ Bahamut นั่นแหละ!” (อ้าว! เจ๊ Ysayle ช็อกสิงานนี้!)
เท่านั้นยังไม่พอ Hraesvelgr ยังเล่าความจริงอันดำมืด จุดเริ่มต้นของ Dragonsong War ที่ถูกปิดบังมานานนับพันปีให้ฟังอีกด้วย! สรุปสั้นๆ คือ:
- ประมาณ 1,200 ปีก่อน มนุษย์กับมังกรเคยอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข โดยมี Saint Shiva (มนุษย์) ที่รักกับ Hraesvelgr เป็นสื่อกลาง
- Shiva สละชีวิตตนเองเพื่อสร้างสันติภาพที่ยั่งยืน
- แต่ 200 ปีต่อมา King Thordan I กษัตริย์มนุษย์ และเหล่าอัศวินของเขา เกิดความโลภ อยากได้พลังของมังกร เลยทรยศหักหลัง! สังหาร Ratatoskr น้องสาวของ Hraesvelgr และ Nidhogg อย่างโหดเหี้ยม!
- เท่านั้นยังไม่พอ! พวกเขายังควักเอา ‘ดวงตา’ ของ Ratatoskr ออกมากิน! เพื่อให้ได้พลังแห่งมังกร! กลายเป็นต้นกำเนิดของพลังสายเลือดมังกรในหมู่ชาว Ishgard และทำให้พวก Heretics สามารถกลายร่างเป็นมังกรได้นั่นเอง!
- Nidhogg เห็นน้องสาวถูกฆ่าอย่างทารุณ แถมดวงตายังถูกขโมยไปอีก ก็แค้นฝังหุ่น! ประกาศสงครามล้างแค้นมนุษยชาติอย่างไม่มีวันจบสิ้น! และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่แท้จริงของ Dragonsong War!
พอได้ฟังความจริงทั้งหมด Ysayle นี่สิ้นหวังไปเลย ส่วน Estinien ก็เดือดจัด! ตัดสินใจทันทีว่าจะต้องไปสังหาร Nidhogg ให้ได้ เพื่อจบวงจรความแค้นนี้! (สรุปคือ จากที่มาเพื่อเจรจา กลายเป็นมาเพื่อฆ่าซะงั้น! เพราะความจริงมันโหดร้ายเกินไป! ที่เข้าใจมาตลอดว่ามังกรร้าย จริงๆ แล้วมนุษย์ต่างหากที่เริ่มก่อน! 🤯)
สร้างยาน บุก Aery สังหาร Nidhogg! ✈️⚔️🐲
การจะบุกเข้าไปใน The Aery รังของ Nidhogg นั้น ต้องฝ่าพายุ Aether ที่รุนแรงเข้าไป เราจึงต้องการยานพาหนะพิเศษ! งานนี้ต้องพึ่งอัจฉริยะอย่าง Cid และลูกศิษย์คู่หู Biggs กับ Wedge อีกครั้ง! พวกเขากลับไปที่ Skysteel Manufactory ใน Ishgard เพื่อสร้างยานบินขนาดเล็กแต่ทรงพลังที่ชื่อว่า “Manacutter”
ระหว่างรอ Cid สร้างยาน เรา (นักรบแห่งแสง) ก็แวบกลับไป Ul’dah เพื่อทำภารกิจปลุก Sultana Nanamo ให้ฟื้นจากยานอนหลับได้สำเร็จ! (แต่ก็ต้องเจอกับการเมืองสุดปวดหัวของ Lolorito อีกตามเคย ที่แจ้งข่าวร้ายว่าจักรวรรดิ Garlean ภายใต้จักรพรรดิองค์ใหม่ กำลังสร้างเรือเหาะยักษ์ลำใหม่ เตรียมจะบุก Eorzea อีกแล้ว!) ส่วน Alphinaud ที่รู้สึกผิดหวังกับความล้มเหลวของ Crystal Braves ที่เขาก่อตั้งขึ้น ก็ตัดสินใจกลับมาเป็น Scions เต็มตัวอีกครั้ง และเตรียมรับมือกับ Garlean ที่ Ul’dah ต่อไป
พอกลับมาหา Cid ยาน Manacutter ก็พร้อมลุยพอดี! นักรบแห่งแสง กับ Estinien จึงขับยานฝ่าพายุเข้าไปใน The Aery เพื่อเผชิญหน้ากับมังกรแห่งความแค้น Nidhogg!
การต่อสู้ดุเดือดมาก! Estinien ต้องใช้พลังจาก ‘ดวงตาของ Nidhogg’ ที่เขามีอยู่ข้างหนึ่ง เพื่อเพิ่มพลังให้ตัวเอง จนเกือบจะโดนพลังความแค้นของ Nidhogg กลืนกินไป! แต่เขาก็ต้านทานมันไว้ได้ และในที่สุด… เขาก็สามารถสังหาร Nidhogg ลงได้สำเร็จ! เลือดของ Nidhogg อาบย้อมชุดเกราะของ Estinien จนกลายเป็นสีแดงฉาน… แต่เมื่อภารกิจล้างแค้น (ที่สืบทอดมา?) สิ้นสุดลง Estinien กลับรู้สึก… ว่างเปล่า…
เสียงสะท้อนอดีต: ตำนาน ดวงตา และคำสาป 👀
และแล้ว พลัง Echo ของนักรบแห่งแสง ก็ทำงานอีกครั้ง! เผยให้เห็นภาพอดีตที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังดวงตาทั้งสองข้างของ Nidhogg! ความจริงก็คือ:
- หลังจาก Nidhogg ฆ่า King Thordan I เพื่อแก้แค้นให้น้องสาวสำเร็จ Haldrath โอรสของ Thordan ก็ได้ออกตามล่า Nidhogg และสามารถสังหาร Nidhogg ลงได้! (อ้าว! สรุป Nidhogg ที่เราเพิ่งฆ่าไปนี่ คือตัวที่สองที่เกิดใหม่เหรอเนี่ย!?)
- เหล่าอัศวินทั้งสี่ (ต้นตระกูลขุนนางปัจจุบัน) ขอให้ Haldrath ขึ้นครองราชย์ต่อ แต่เขาปฏิเสธ! เพราะเขารู้ว่าตัวเองได้กิน ‘ดวงตาของ Nidhogg’ ไปแล้ว (เหมือนพ่อ) ทำให้ถูกคำสาป และอาจถูกครอบงำได้ในอนาคต เขาจึงเลือกที่จะเป็นนักล่ามังกรต่อไปชั่วชีวิต เพื่อไถ่บาปให้ตระกูล ที่ทำลายสันติภาพซึ่ง Shiva อุตส่าห์สร้างไว้
- อัศวินทั้งสี่จึงตัดสินใจว่า นับจากนี้ไป Ishgard จะไม่มีกษัตริย์อีกต่อไป แต่จะให้ 4 ตระกูลขุนนางใหญ่เป็นผู้ปกครองร่วมกันสืบไป (นี่คือที่มาของโครงสร้างอำนาจใน Ishgard ปัจจุบัน!)
- ก่อนตาย Haldrath ได้ควัก ‘ดวงตาของ Nidhogg’ ทั้งสองข้างออกมา ข้างหนึ่งตกทอดมาถึง Estinien ในปัจจุบัน ส่วนอีกข้าง… หายสาบสูญไป (หรือเปล่า?)
- ส่วน Hraesvelgr พี่ชายของ Nidhogg ด้วยความรู้สึกผิดที่ตนเองมองข้ามภัยคุกคามจากมนุษย์ในอดีต เลยได้สละ ‘ดวงตา’ ข้างหนึ่งของตนเองให้กับ Nidhogg (ที่เกิดใหม่) ไป! นี่แหละคือเหตุผลที่ Nidhogg มันถึงได้แค้นฝังหุ่น และมีพลังมหาศาลขนาดนี้! เพราะมันมีดวงตาแห่งพลังถึงสองคู่! (ดวงตาเดิมของตัวเอง + ดวงตาของ Hraesvelgr!)
นี่แหละเพื่อนๆ! ปฐมเหตุการณ์ที่แท้จริงของ Dragonsong War สงครามที่เกิดจากความโลภ การทรยศ และความแค้น ที่ส่งต่อกันมานานนับพันปี!
ความจริงสั่นคลอน Ishgard! Aymeric ถูกจับ!? 🏰⛓️
เมื่อรู้ความจริงทั้งหมดแล้ว เรากับพรรคพวกก็รีบเดินทางกลับสู่ Ishgard ซึ่งตอนนี้กำลังถูกชาว Heretics ล้อมเมืองอยู่ (คงเพราะ Nidhogg ตาย เลยไม่มีใครคุม) Ysayle กับ Haurchefant พยายามเข้าไปเจรจา ส่วนเรากับ Alphinaud ก็รีบเข้าไปพบท่านลอร์ด Edmont de Fortemps เพื่อเปิดเผยความจริงทั้งหมดที่เราเพิ่งรู้มาจาก Echo!
ความจริงที่ว่า… ประวัติศาสตร์ที่ศาสนจักรบันทึกไว้ว่ามังกรเป็นฝ่ายเริ่มสงครามก่อน… มันคือเรื่องโกหก! ตำนานวีรบุรุษผู้ก่อตั้ง Ishgard จริงๆ แล้วคือฆาตกรทรยศ! แถมตระกูลขุนนางทั้งสี่ที่อ้างว่าสืบเชื้อสายโดยตรงจาก King Thordan ก็อาจจะเป็นเรื่องโกหกด้วยซ้ำ! เพราะจริงๆ แล้ว ชาว Ishgard ทุกคนอาจจะมีสายเลือดของ Thordan อยู่ในตัว! (ซึ่งพิสูจน์ได้จากการที่บางคนกลายเป็น Heretic แล้วกลายร่างเป็นมังกรได้นั่นเอง!) โอ้โห! หักมุมในหักมุมอีกที! 🤯
การตายของ Nidhogg อาจจะทำให้สงครามจบลงได้ก็จริง แต่การเปิดเผยความจริงนี้ อาจจะทำให้ Ishgard เกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่จากภายในได้! แต่ Aymeric ผู้ยึดมั่นในความถูกต้อง ตัดสินใจว่าจะต้องนำเรื่องนี้ไปแจ้งให้ Archbishop Thordan VII ทราบ! ผลคืออะไรน่ะเหรอ? ก็โดนจับสิครับ! โดนตั้งข้อหาเป็นพวกนอกรีตและกบฏ ถูกนำไปคุมขังใน The Vault คุกใต้ดินของวิหารทันที! (โอ๊ยยย! พูดความจริง = ติดคุก! เอ๊ะ… คุ้นๆ นะ แต่นี่ในเกมนะเพื่อน ในเกม! 😅)
การเสียสละของ Haurchefant… ลาก่อนเพื่อนแท้ 😭🛡️
เมื่อผู้นำอย่าง Aymeric โดนจับแบบนี้ Lucia มือขวาคนสนิท ก็อยู่เฉยไม่ได้! วางแผนชิงตัว Aymeric กลับคืนมา โดยได้ขอความช่วยเหลือจากเรา (นักรบแห่งแสง) และ Haurchefant แต่ The Vault มันการป้องกันแน่นหนามาก พวกเขาเลยต้องไปขอความร่วมมือจาก Brume Revolutionaries กลุ่มกบฏใต้ดินใน Ishgard ที่นำโดยหญิงสาวสุดแกร่ง Hilda the Mongrel
เรา, Tataru, และ Alphinaud ลงไปในย่านสลัม The Brume เพื่อพบกับ Hilda และช่วยเธอจากการตามล่าของ Temple Knights จนเธอไว้ใจและยอมร่วมมือด้วย
แผนการบุก The Vault เพื่อช่วยเหลือ Aymeric สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี! แต่! เรื่องร้ายยังไม่จบ! Archbishop Thordan VII มันส่งอัศวินองครักษ์สุดโหด Heaven’s Ward สองคน ออกมาตามล่าพวกเรา! แถมไอ้พวกนี้มันดันแปลงร่างเป็น Primal ได้เหมือน Ysayle อีก! เก่งเวอร์!
และในจังหวะที่คับขันที่สุด… อัศวิน Heaven’s Ward คนหนึ่งได้ซัดหอกแสงเข้าใส่นักรบแห่งแสง! แต่ก่อนที่มันจะถึงตัวเรา… Haurchefant Greystone เพื่อนผู้แสนดีของเรา ก็ได้กระโดดเข้ามาขวาง! ใช้โล่ห์และร่างของตัวเองรับการโจมตีนั้นแทน!!! 😭😭😭
Haurchefant ล้มลง บาดเจ็บสาหัส… และสิ้นใจในอ้อมแขนของเรา… ก่อนตาย เขายังคงฝากฝังให้เราปกป้อง Ishgard และทิ้งรอยยิ้มสุดท้ายไว้ให้… พร้อมกับคำพูดที่บอกใบ้ถึงสถานที่ต่อไป… Azys La…
ฉากนี้คือบีบหัวใจที่สุด! น้ำตาแตกเป็นเขื่อน! ลาก่อน Haurchefant เพื่อนผู้แสนดี ผู้มีรอยยิ้มอันอบอุ่นเสมอ! T____T 💔
ไล่ล่าสู่ Azys La ดินแดนต้องห้าม! ☁️🧭
แม้จะไม่มีใครรู้จักชื่อ Azys La มาก่อน แต่ Cid ก็คาดเดาว่า Archbishop Thordan VII น่าจะมุ่งหน้าไปที่นั่นเพื่อตามหาความลับของ Allagan Empire หรืออาจจะเกี่ยวข้องกับพวก Ascians ด้วย! Cid รีบเตรียมยาน Enterprise (ที่เพิ่งซ่อมเสร็จ) เพื่อไล่ล่าเรือเหาะของ Archbishop ทันที!
ระหว่างทาง พวกเขาพบว่ากองทัพ Garlean Empire (นำโดย Regula van Hydrus) ก็กำลังไล่ล่า Archbishop อยู่เหมือนกัน แถมยังไปโจมตีเผ่า Vanu Vanu เพื่อถามทางไป Azys La อีก! พวก Vanu Vanu บอกว่า Azys La คือ “ต้นกำเนิดแห่งบาป” “ดินแดนต้องห้าม” และกุญแจที่จะเข้าไปได้นั้น ถูกเก็บไว้ในศาลเจ้าลอยฟ้า… ซึ่งดันถูก Bismarck the White (วาฬบินตัวเดิม!) กลืนเข้าไป เพราะมันคลุ้มคลั่งจากการโดน Garlean โจมตีนั่นเอง!
ว่าไงล่ะทีนี้! อยากได้กุญแจ ก็ต้องไปตบกับ Bismarck (อีกรอบ!) สิครับ! 🤣 หลังจากเราปราบ Bismarck ลงได้ (เป็น Trial ระดับ Extreme ด้วยนะ!) กุญแจก็หลุดออกมา… แต่ยังไม่ทันจะได้เก็บ… Archbishop Thordan VII ก็โผล่มาฉกกุญแจไปต่อหน้าต่อตาเลย! (อ้าว! ตบแทบตาย โดนฉกเฉย! 😠)
ในจังหวะที่เรากำลังเสียสมาธิ เพราะ Hydaelyn พยายามติดต่อเข้ามาพอดี Cid เลยต้องขับยาน Enterprise ไล่ตาม Archbishop ไปก่อน แต่ก็ไปติดบาเรีย Aether ขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบ Azys La ไว้อยู่ดี! และในตอนนั้นเอง Lucia ก็ได้สารภาพความจริงว่า เธอไม่ใช่ชาว Ishgard แต่เป็นชาว Garlean และเป็นน้องสาวของ Livia sas Junius ขุนพล Garlean ที่เราเคยปราบไปใน ARR! (ดราม่าซ้อนดราม่าไปอีก!)
ตามหา Scions ที่เหลือ & ปรมาจารย์ Matoya 🧙♀️📚
ท่ามกลางเรื่องวุ่นวาย Tataru ก็ติดต่อมาพร้อมข่าวดี! หน่วย Immortal Flames ไปเจอไม้เท้าของ Y’shtola ตกอยู่ในแม่น้ำแถว Thanalan! (เย้! นึกว่าจะเสียเจ๊ไปซะแล้ว!) เราเลยต้องรีบไปขอความช่วยเหลือจากเหล่า Padjal (นักบวชเขาสัตว์แห่ง Gridania) เพื่อตามหานาง ซึ่งก็พบว่า Y’shtola ใช้เวทมนตร์ Teleport แบบไม่ระบุปลายทางในตอนที่ถล่มอุโมงค์หนี ทำให้วิญญาณนางติดอยู่ใน Lifestream (กระแสพลังชีวิตของโลก)! การจะดึงนางกลับมานั้นอันตรายมาก และต้องใช้คนที่ผูกพันกันมากๆ… ซึ่งก็คือน้องสาวของนางนั่นเอง! เราเลยต้องออกตามหาน้องสาว Y’shtola
ในที่สุดเราก็ช่วย Y’shtola กลับมาได้! แต่น่าเศร้า… ผลจากการติดอยู่ใน Lifestream นานเกินไป ทำให้เธอกลายเป็นคนตาบอดสนิท… (แต่เจ๊แกก็ยังเทพอยู่ ใช้ Aether ในการมองเห็นแทน) Y’shtola บอกว่าเธอสร้างอาวุธที่จะเจาะบาเรีย Azys La ไม่ได้ แต่เธอรู้ว่า Matoya (มาโทย่า) อาจารย์ของเธอ (และของปู่ Louisoix ด้วย!) น่าจะพอมีวิธี!
สร้าง ‘หัวเจาะ’ ทะลวงบาเรีย! 🛠️💎
เรา, Alphinaud, และ Y’shtola จึงเดินทางไปยัง Dravanian Hinterlands ที่ตั้งของอดีตเมือง Sharlayan โบราณ (ซึ่งตอนนี้ถูกทิ้งร้าง และโดนพวก Goblins ยึดครองไปแล้ว มีทั้งกลุ่มดีที่ขอให้เราช่วยสร้างเมืองใหม่ Idyllshire และกลุ่มร้าย Illuminati ที่พยายามจะอัญเชิญ Primal เครื่องจักร Alexander ขึ้นมา!) เพื่อตามหา Matoya’s Cave
เราได้พบกับอาจารย์ Matoya แม่มดเฒ่าสุดเก๋า (แต่ยังสวย!) นางบอกว่าเคยออกแบบอุปกรณ์ที่เรียกว่า “Aetheric Converger” ซึ่งน่าจะใช้เจาะบาเรียได้ แต่แบบแปลนมันถูกเก็บไว้ในหนังสือ ณ Great Gubal Library (ดันเจี้ยนอีกแล้ว!) พอเราไปเอาหนังสือกลับมาให้ Matoya แปล และให้ Cid ศึกษางานวิจัย Cid ก็ออกแบบ “Aetheric Ram” หรือ ‘หัวเจาะพลัง Aether’ ที่จะเอาไปติดตั้งบนยาน Enterprise ได้สำเร็จ!
แต่! ไอ้เจ้าหัวเจาะนี่มันต้องการพลังงานมหาศาลในการทำงาน! Alphinaud เลยเสนอไอเดียสุดบ้า… ให้ใช้พลังจาก ‘ดวงตาของ Nidhogg’ ที่ Estinien ถืออยู่นั่นแหละ! ร้อนถึง Aymeric ต้องไปเกลี้ยกล่อม (หรือบังคับ?) Estinien ให้ยอมมอบดวงตามาเพื่อการนี้ ส่วน Cid ก็รีบกลับไปอัปเกรดยาน Enterprise ให้พร้อม!
Enterprise Excelsior ลุย! & การเสียสละของ Ysayle… 😭❄️
ในที่สุด ยาน Enterprise ที่อัปเกรดใหม่ ติดตั้ง Aetheric Ram พร้อมพลังงานจากดวงตามังกร ก็พร้อมออกรบ! Cid ตั้งชื่อใหม่ให้มันอย่างภาคภูมิใจว่า “Enterprise Excelsior” ! ทีมนักรบแห่งแสงชุดดรีมทีมก็พร้อมลุย: เรา, Y’shtola, Estinien (ที่ดูไม่ค่อยพอใจเรื่องดวงตา), Cid, Biggs, Wedge, และ Ysayle (ที่ตามมาสมทบด้วย)!
แต่ขณะที่ยาน Enterprise Excelsior กำลังจะพุ่งเข้าเจาะบาเรียของ Azys La… เรือเหาะขนาดยักษ์ของจักรวรรดิ Garlean (ลำที่ Lolorito เคยเตือนไว้นั่นแหละ!) ก็โผล่มาโจมตีเราซะงั้น! ยานเสียหายหนัก! แถมพลังความแค้นจากดวงตา Nidhogg ก็เริ่มครอบงำจิตใจ Estinien อีกครั้ง!
ในจังหวะที่คับขันที่สุด… Ysayle (Lady Iceheart) ก็ตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด… นางได้รวบรวมพลัง Aether ทั้งหมด แปลงร่างเป็น Shiva อีกครั้ง! แล้วบินออกไปต่อสู้กับเรือรบ Garlean ขนาดยักษ์เพียงลำพัง! เพื่อซื้อเวลาให้ยาน Enterprise Excelsior พุ่งทะลวงบาเรียเข้าไปได้!!!
สุดท้าย… Ysayle ก็ถูกยิงร่วงลงมา… สิ้นใจ… สละชีวิตตัวเองเพื่อเปิดทางให้พวกเรา… 😭😭😭 ลาก่อน Ysayle… แม้ตอนแรกจะดูเป็นศัตรู แต่สุดท้ายเธอก็คือวีรสตรีที่แท้จริง…
Azys La: ความจริง ความแค้น และศึกตัดสินชะตา! ⚔️🌌
พวกเราเดินทางเข้าสู่ Azys La ดินแดนลอยฟ้าโบราณของ Allagan ได้สำเร็จ ที่นี่เราได้พบกับ Warring Triad อดีต Primal สุดทรงพลัง 3 ตน ที่ถูก Allagan จับมาดูดพลัง Aether จนกลายเป็นหิน! และเราก็ได้ปะทะกับ Regula van Hydrus ขุนพล Garlean อีกครั้ง Estinien อาสาอยู่รับมือพวก Garlean เพื่อเปิดทางให้เราไปต่อ
เมื่อเส้นทางหลักถูกตัดขาด ปู่ Midgardsormr (ที่กลายเป็นมังกรจิ๋วเกาะไหล่เรา) ก็แนะนำให้เราไปพบกับ Tiamat หนึ่งในเจ็ดมังกรยิ่งใหญ่ ลูกสาวของปู่เอง ที่ถูก Allagan จองจำไว้บนเกาะใกล้ๆ เพื่อเรียนรู้ความจริงและความทุกข์ทรมานของเหล่ามังกรตลอด 5,000 ปีที่ผ่านมา
Tiamat เล่าเรื่องราวอันน่าเศร้าว่า ในอดีต มังกรเคยอยู่กับมนุษย์อย่างสงบสุข แต่แล้วพวก Allagan ก็ทำสงครามกวาดล้างเผ่าพันธุ์มังกร ทำลาย Bahamut พี่ชายของนาง (ซึ่งเป็น Primal ที่เกิดจากความปรารถนาของมังกร ไม่ใช่เทพจริงๆ) แถมยังโดนพวก Ascians หลอกให้ Tiamat อัญเชิญ Bahamut (ที่เป็นแค่ร่างเงา) ขึ้นมาอีกครั้ง แล้ว Ascians ก็จับ Bahamut (ปลอม) นั้น มอบให้พวก Allagan เอาไปใช้เป็น ‘แบตเตอรี่’ ขนาดยักษ์ให้กับ Azys La นี่เอง! Tiamat ยังเตือนสติเราด้วยว่า ‘เทพเจ้า’ ที่มนุษย์นับถือและอัญเชิญออกมา (Primals) นั้น เป็นเพียงสิ่งที่สร้างขึ้นจากความปรารถนาและศรัทธา ไม่ใช่เทพเจ้าที่แท้จริง และการอัญเชิญแต่ละครั้งก็ส่งผลเสียต่อ Hydaelyn ด้วย…
เมื่อได้ฟังความจริงทั้งหมด คริสตัลธาตุทั้ง 4 ในตัวเรา (ที่เคยดับไป) ก็กลับมาส่องสว่างอีกครั้ง! เชื่อมต่อกับ Hydaelyn ได้สำเร็จ! แม่แสงได้เตือนเราถึงภัยร้ายจาก ‘บริวารแห่งความมืด’ ที่กำลังจะมาถึง และขอให้เราใช้พลัง Echo ปกป้องโลกต่อไป… การที่เราได้พรแห่งแสงกลับคืนมา ทำให้ปู่ Midgardsormr ประทับใจมาก และยอมรับในตัวเราอย่างแท้จริง ท่านจึงอาสาบินพาเราไปยังยาน Flagship ที่ Archbishop Thordan VII อยู่ ด้วยตัวเอง!
ศึกสุดท้าย: Ascian Prime & God-King Thordan! ✨👑
ในที่สุด เราก็เผชิญหน้ากับตัวร้ายที่แท้จริง! Lahabrea และ Igeyorhm สอง Ascian ตัวเป้ง ที่ต้องการจะชุบชีวิตเทพแห่งความมืด Zodiark! พวกมันยังเผยความสามารถที่แท้จริงของ Ascian ระดับสูง คือการ ‘รวมร่าง’ กันกลายเป็น Ascian Prime ที่มีพลังมหาศาล!
แต่ด้วยพรแห่งแสงที่ได้กลับคืนมา บวกกับพลังจากดวงตา Nidhogg ที่เรายืมมา (แป๊บนึง?) เราสามารถขัดขวางการรวมร่าง และใช้ White Auracite (ที่ Moenbryda มอบให้?) กักขังดวงจิตของทั้งคู่ไว้ได้! ก่อนที่พวกมันจะโดนกำจัด พวกมันก็ได้สาปแช่ง Hydaelyn… และแล้ว Archbishop Thordan VII ก็ปรากฏตัวขึ้น!
ตาแก่ Thordan นี่แหละคือลาสบอสตัวจริง! แกมีความทะเยอทะยานอยากจะเป็น “God-King” ผู้ปกครองโลก และนำพาสันติสุข (ในแบบของแก) มาให้! โดยแกได้ครอบครอง ‘ดวงตาอีกข้าง’ ของ Nidhogg (ที่ซ่อนอยู่ในคฑาประจำตำแหน่ง Archbishop มานาน!) และใช้พลังจากดวงตาทั้งสองข้าง (ที่ Estinien มีข้างนึง + ที่แกมีข้างนึง?) บวกกับพลังศรัทธาอันแรงกล้า (แบบผิดๆ) ของชาว Ishgard แปลงร่างตัวเองเป็น God-King Thordan พร้อมทั้งเปลี่ยนเหล่าอัศวิน Heaven’s Ward ทั้ง 12 คน ให้กลายเป็น Knights of the Round ในตำนาน!
เท่านั้นยังไม่พอ! Thordan ยังหักหลังพวก Ascian ด้วยการ ‘ดูดกลืน’ พลัง Aether จาก White Auracite ที่กักขัง Lahabrea กับ Igeyorhm ไว้ เพื่อเพิ่มพลังให้ตัวเองอีก! (เลวกว่า Ascian ก็ตาแก่นี่แหละ!)
ศึกสุดท้ายจึงเป็นการต่อสู้ระหว่าง นักรบแห่งแสง vs God-King Thordan และเหล่าอัศวินโต๊ะกลม! การต่อสู้ครั้งนี้ยิ่งใหญ่ อลังการ และยาวนานมาก! แต่ในที่สุด ด้วยพลังแห่งแสงและความช่วยเหลือจาก Hydaelyn เราก็สามารถเอาชนะ God-King Thordan ลงได้สำเร็จ!!! เย้!!! 🎉
สันติภาพที่ต้องแลก & เงามืดที่ก่อตัว… 🕊️
หลังการต่อสู้จบลง Estinien ก็มาถึงพอดี เขาเก็บ ‘ดวงตาทั้งสองข้าง’ ของ Nidhogg (ที่หลุดออกมาหลัง Thordan แพ้) กลับคืนมา หวังจะนำไปซ่อนหรือทำลายทิ้ง… แต่! พลังความแค้นอันมหาศาลที่สะสมอยู่ในดวงตาทั้งสองข้าง มันแข็งแกร่งเกินไป! มันได้เข้าครอบงำจิตใจของ Estinien โดยสมบูรณ์! ความเกลียดชังที่ Estinien มีต่อมังกร กลายเป็นเชื้อเพลิงชั้นดี… ทำให้เขากลายเป็นร่างทรงของ Nidhogg อย่างสมบูรณ์แบบ! แล้วก็บินหนีหายไป… 😱 (อ้าว! ซวยซ้ำซวยซ้อน!)
แม้จะเสีย Estinien ไป แต่การตายของ Thordan VII ก็ทำให้ Ishgard เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ นักรบแห่งแสงกลับสู่เมืองในฐานะวีรบุรุษ Aymeric (ที่ได้รับการปล่อยตัวแล้ว) ได้เปิดเผยความจริงทั้งหมดเกี่ยวกับ Dragonsong War ให้ประชาชนได้รับรู้ และด้วยการนำของ Aymeric ชาว Ishgard ก็ตัดสินใจที่จะยุติสงคราม เลือกเส้นทางแห่งสันติภาพกับเหล่ามังกร (ในที่สุด! 🎉) และ Ishgard ก็ได้ตกลงเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ Eorzean Alliance อย่างเป็นทางการเสียที
หลังจากนั้น นักรบแห่งแสงก็ได้จัดพิธีศพให้กับ Haurchefant อย่างสมเกียรติ ณ Coerthas เป็นการอำลาเพื่อนผู้แสนดีครั้งสุดท้าย… 😢
แต่เรื่องราวยังไม่จบแค่นั้น… ตัดภาพไปที่ไหนสักแห่ง (อาจจะเป็นบนดวงจันทร์?) Elidibus Ascian อีกตนหนึ่ง กำลังครุ่นคิดถึงความล้มเหลวของ Lahabrea และพลังอันน่าทึ่งของนักรบแห่งแสง ที่ตอนนี้แข็งแกร่งใกล้เคียงเทพเจ้าเข้าไปทุกที… Elidibus จึงได้หันไปพูดคุยกับบุคคลลึกลับในเงามืด… แล้วกล่าวว่า… “บางที… อาจถึงเวลาแล้ว… ที่ ‘นักรบแห่งความมืด’ จะปรากฏตัว” !!! (ตัวอะไรอีกวะเนี่ย!?)
และแล้ว… บทสรุปของภาคเสริม Heavensward ก็จบลงตรงนี้ครับเพื่อนๆ! เป็นการปิดฉากสงครามมังกรพันปีที่ทั้งยิ่งใหญ่ อลังการ และเต็มไปด้วยดราม่า น้ำตา และการสูญเสียจริงๆ! Ishgard ได้เริ่มต้นใหม่ แต่ภัยคุกคามจากพวก Ascians และเงื่อนงำใหม่เกี่ยวกับ ‘นักรบแห่งความมืด’ ก็ยังคงอยู่! นักรบแห่งแสงอย่างเราต้องเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ครั้งต่อไป! เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อ? ติดตามได้ในสรุปเนื้อเรื่อง Patch 3.1 และต่อไปเรื่อยๆ เลย! วันนี้ปิงลาไปก่อนนะเพื่อนๆ! บายยย! 👋