เอาล่ะครับเพื่อนๆ ชาว Pingac.com ทุกคน! วันนี้เราจะมาดำดิ่งสู่เรื่องราวสุดเข้มข้นของ Final Fantasy XIV ใน Patch 4.4 ที่มีชื่อว่า “Prelude in Violet” หรือ “บทโหมโรงสีม่วง” แค่ชื่อก็ดูลึกลับน่าค้นหาแล้วใช่ไหมล่ะครับ? 🧐 บอกเลยว่าตอนนี้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้พวกเราเหล่าผู้กล้าแห่งแสง (และตัวผมเอง) ต้องนั่งไม่ติดเก้าอี้กันเลยทีเดียว! ว่าแล้วก็ไปลุยกันเลย! LET’S GOOOO! 🚀
สัญญาณเตือนภัย และภารกิจตามหาน้องชายสุดที่รัก 😥
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อน้องสาวฝาแฝดสุดแกร่งของเรา อลิเซ่ เริ่มจะนั่งไม่ติดแล้วครับ! 😩 หลังจากเหตุการณ์ต่างๆ นานา เธอก็กระวนกระวายใจสุดๆ เพราะขาดการติดต่อจากทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อัลฟิโน่ น้องชายฝาแฝดของเธอเอง (ใครมีพี่น้องคงเข้าใจฟีลนี้ดีเลยใช่ไหมครับ? 😥) ทันใดนั้น! ผู้ส่งสารจากพันธมิตรเอออร์เซียก็ปรากฏตัวขึ้น พร้อมคำเชิญให้เหล่า Scions เข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำ เพื่อหารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่พวก อาเชี่ยน (Ascians) ตัวร้ายจะกลับมาสร้างความปั่นป่วนอีกครั้ง และเราจะรับมือกับพวกมันยังไงดี นักรบแห่งแสง (ก็พวกเรานี่แหละ!) และอลิเซ่ ตอบตกลงเข้าร่วมโดยไม่ลังเล ก็แหม…เรื่องแบบนี้ปล่อยผ่านไม่ได้อยู่แล้ว! 💪
แต่เรื่องยังไม่จบแค่นั้นครับ! ทันใดนั้นเอง ริโอล (Riol) หนึ่งในสมาชิก Scions ก็ได้รับข้อความด่วนจี๋ผ่านทาง Linkpearl จาก ธันเครด (Thancred) พ่อหนุ่มสุดเท่ของเรา! เขามีข่าวคราวด่วนสุดๆ จากแนวรบการ์เลียน (Garlean) และขอให้นักรบแห่งแสงกับอลิเซ่รีบไปพบเขาที่อาลา มิโก (Ala Mhigo) ทันที! 💨
พอไปถึง ธันเครดก็อธิบายสถานการณ์ให้ฟังว่า แคว้นอื่นๆ ที่เคยถูกกดขี่ เริ่มเอาเยี่ยงอย่างโดม่า (Doma) และเกียร์ อบาเนีย (Gyr Abania) ลุกขึ้นต่อต้านบ้างแล้ว! 🎉 แต่บางที่ก็ลงเอยด้วยหายนะ… ธันเครดเล่าว่าเมืองหลวงของดัลมัสกา (Dalmasca) ถูกทำลายจนราบเป็นหน้ากลองเพียงเพราะพยายามก่อกบฏ 💥 (โหดร้ายเกินไปแล้วนะพวกการ์เลียน! 😠) เขายังยืนยันด้วยว่าทุกอย่างชี้ไปที่ เซนอส (Zenos) ว่าเป็นอาเชี่ยนที่สวมรอยเจ้าชายผู้ล่วงลับ! 😱 และที่สำคัญที่สุดคือ…ไม่มีข่าวคราวของอัลฟิโน่ว่าเดินทางถึงจักรวรรดิเลยแม้แต่น้อย! ธันเครดบอกว่าเขาได้ยินเสียงอัลฟิโน่แว่วๆ ผ่าน Linkpearl ฉุกเฉิน พูดถึงสถานที่ที่เรียกว่า “The Burn” เท่านั้นเอง… อลิเซ่ได้ยินดังนั้นก็ประกาศกร้าวทันที! “ฉันจะไปตามหาน้องชายฉันกลับมาให้ได้!” (น้องสาวตัวอย่างจริงๆ ครับ! 👍)
เนื่องจาก The Burn ตั้งอยู่ทางตะวันตกของโอธาร์ด (Othard) อลิเซ่และนักรบแห่งแสงจึงเดินทางไปยังโดม่า เพื่อปรึกษาหารือกับ ท่านฮิเอน (Hien) และ อิชโทลา (Y’shtola) แม่มดสาวสุดสวยของเรา อิชโทลาได้แบ่งปันข้อมูลที่เธอค้นพบ เช่น พวกวัตถุโบราณที่เผ่าโคจิน (Kojin) บูชาเป็นเทพเจ้านั้น สามารถหลีกเลี่ยงความจำเป็นในการอัญเชิญที่ต้องใช้ความเชื่ออันแรงกล้าได้ เพราะพลังศรัทธามหาศาลได้ถูกหล่อหลอมเข้าไปในวัตถุนั้นมานานนับปีแล้วนั่นเอง (โอ้โห! ความรู้คือพลังจริงๆ ครับ ยิ่งในสถานการณ์คับขันแบบนี้ ✨) การประชุมกับท่านฮิเอนก็จบลงด้วยดี โดยท่านเจ้าเมืองแห่งโดม่ากล่าวว่าจะให้ความช่วยเหลือทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อตามหาอัลฟิโน่!
การผจญภัยใน The Burn และเงื่อนงำจากจักรวรรดิ 🔥
หลังจากเตรียมตัวพร้อมสรรพ กลุ่มของเราก็ขี่นกยอล (Yol) หรือเหยี่ยวคู่ใจ บินตรงเข้าสู่ The Burn ดินแดนทะเลทรายอันกว้างใหญ่และเต็มไปด้วยอันตราย! แต่โชคไม่เข้าข้างเอาซะเลย… นักรบแห่งแสงดันพลัดหลงกับกลุ่มระหว่างเกิดพายุทราย! 🌪️ (เหมือนในหนังเลยแฮะ!) หลังจากตะลุยผ่านซากปรักหักพังของชาวอัลลาแกน (Allagan) โบราณ และปะทะกับมังกรหมอก (Mist Dragon) สุดโหด 🐉 ในที่สุดกลุ่มของเราก็ได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง เพื่อสำรวจซากเรือรบของจักรวรรดิที่ตกอยู่กลางทะเลทรายสีขาวโพลน
พวกเขาไม่พบร่องรอยของอัลฟิโน่เลยแม้แต่น้อย 😭 แต่กลับยืนยันได้ว่าความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในบริเวณนี้ เป็นการต่อสู้กันระหว่างกลุ่มทหารของจักรวรรดิสองกลุ่ม โดยหนึ่งในนั้นคือ “Royal Guards” หรือทหารราชองครักษ์ชั้นสูง ที่ถูกคัดเลือกมาเป็นพิเศษเพื่อรับใช้ราชวงศ์และขึ้นตรงต่อพวกเขาเท่านั้น! อลิเซ่เริ่มหวาดกลัวว่าจักรพรรดิอาจจะจับตัวน้องชายของเธอไปแล้ว แต่ทั้งนักรบแห่งแสงและท่านฮิเอนก็ช่วยกันปลอบโยนว่าอย่าเพิ่งด่วนสรุปอะไรไปเองเลย (ใช่ครับ! สติสำคัญที่สุดในยามวิกฤต! 👍) ยูกิริ (Yugiri) จึงเสนอให้ทุกคนกลับไปตั้งหลักที่โดม่าก่อน และเหล่านินจาของเธอจะรับหน้าที่ค้นหาต่อเอง
พันธมิตรใหม่ และแผนการป้องกันโดม่า 🛡️
กลับมาที่โดม่า ท่านฮิเอนได้เชิญเหล่า Scions เข้าร่วมประชุมกับบุคคลสำคัญทางการเมืองที่เดินทางมาพบเขา พวกเราดีใจมากที่ได้เห็นว่าคนๆ นั้นคือ ลิซ (Lyse) ผู้นำคนใหม่แห่งอาลา มิโก! เธอมาเพื่อเชิญท่านฮิเอนเข้าร่วมประชุมกับพันธมิตรเอออร์เซีย เพื่อหารือเรื่องของพวกอาเชี่ยน และต้อนรับอาลา มิโกเข้าเป็นพันธมิตรอย่างเป็นทางการ 🎉 ท่านฮิเอนตอบตกลงด้วยความยินดี แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน เขาขอสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยของโดม่าเสียก่อน เพราะไม่ว่าใครจะเป็นคนออกคำสั่งให้ Royal Guards (จักรพรรดิ หรือ ลูกชายของเขา) ก็ถือว่าสนธิสัญญาสันติภาพเป็นอันโมฆะไปแล้ว! ลิซเห็นด้วยและกล่าวว่าพวกเขาจะกำหนดวันประชุมอีกครั้งเมื่อท่านฮิเอนพร้อม จากนั้นเธอก็ขอคุยกับนักรบแห่งแสงเป็นการส่วนตัว ซึ่งพวกเขาก็ได้พูดคุยถึงความเป็นห่วงที่อลิเซ่มีต่อน้องชายของเธอ
กลับมาที่การประชุมกับท่านฮิเอน เจ้าเมืองแห่งโดม่าแสดงความสนใจที่จะสร้างพันธมิตรของตัวเองกับชาติต่างๆ รอบโดม่า เช่น สมาพันธรัฐ (The Confederacy), ทุ่งหญ้าอาซิม (Azim Steppe), แม้กระทั่งคุโรกาเนะ (Kurogane) และดัลมัสกา! (สุดยอดผู้นำจริงๆ ครับท่านฮิเอน! มองการณ์ไกลมาก! 🌟) อลิเซ่สงสัยว่าพวกเขาจะมีเวลาไปตั้งพันธมิตรแบบนั้นได้ยังไง อิชโทลาจึงอธิบายข้อสังเกตของเธอขณะอยู่ใน The Burn ว่า เธอเชื่อว่าที่นั่นคือที่ที่ชาวอัลลาแกนสร้างทวีปลอยฟ้าอาซิส ลา (Azys Lla) และเป็นไปได้ว่า The Burn อาจมีระบบป้องกันที่แข็งแกร่งเหมือนอาซิส ลา ก็เป็นได้!
ท่านฮิเอนเสริมว่า จักรวรรดิได้สร้างสถานการณ์ที่น่าอับอายให้ตัวเอง ด้วยการทำลายราบานาสต้า (Rabanastre) เมืองหลวงของดัลมัสกา ซึ่งเป็นหนึ่งในคลังเชื้อเพลิงหลักของพวกเขาในโอธาร์ด นั่นหมายความว่าถ้าพวกเขาต้องการจะบินเรือเหาะมายังโดม่า พวกเขาก็จะไม่สามารถเติมเชื้อเพลิงได้ และจะต้องข้าม The Burn มาเท่านั้น! ปัญหาเดียวก็คือ พวกเขาต้องการพลังงานมหาศาลเพื่อจ่ายให้กับเกราะป้องกันของอัลลาแกน และจุดเด่นของ The Burn ก็คือการขาดแคลนพลังงานนั่นเอง ท่านฮิเอนบอกว่าเขารู้จักสถานที่ที่จะหาพลังงานที่จำเป็นได้… และมันอยู่ในทุ่งหญ้าอาซิม! เป็นจุดเริ่มต้นที่สมบูรณ์แบบสำหรับการเจรจาพันธมิตรเลยทีเดียว! 🤝
ตำนานแห่งอาซิมสเตปป์ และการทดสอบแห่งศรัทธา 🐃
ณ ทุ่งหญ้าอาซิม ท่านฮิเอนได้เล่าตำนานเก่าแก่ของเผ่ามอล (Mol) เกี่ยวกับคนแปลกหน้าที่เดินทางมายังทุ่งหญ้า และใช้เศษเสี้ยวพลังจาก นาอาม่า (Nhaama) เทพีแห่งดวงจันทร์ของชาวเซล่า (Xaela) เพื่อยกผืนดินที่พังทลายขึ้นสู่ท้องฟ้า และถวายหยดเลือดแด่สรวงสวรรค์ อิชโทลาอนุมานว่านี่น่าจะหมายถึงอาซิส ลา และดวงจันทร์สีแดงดาลามุด (Dalamud) นั่นเอง! (ปริศนาเริ่มคลี่คลายแล้ว! 💡) ท่านฮิเอนเห็นด้วยและนำกลุ่มของเราไปพบกับเผ่ามอล แต่กลับพบปัญหาเล็กน้อย… ซิริน่า (Cirina) ผู้นำเผ่ามอล แนะนำว่าสถานที่ที่คนแปลกหน้าได้พบกับนาอาม่านั้นคือ “บ้านแห่งเหรียญเบี้ยว” (House of the Crooked Coin) บนเนินเขาทางตอนเหนือ แต่มันเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของหลายๆ เผ่าในทุ่งหญ้า หากนักรบแห่งแสงและท่านฮิเอนเข้าไปอ้างสิทธิ์ในพลังงานที่พวกเขาต้องการจากที่นั่น เผ่าต่างๆ ก็แทบจะปฏิเสธการเป็นพันธมิตรกับโดม่าอย่างแน่นอน! ซิริน่าจึงแนะนำให้ท่านฮิเอนไปพบปะกับชาวเซล่า เพื่อดูว่ามีหนทางใดที่จะได้รับความเห็นชอบและการอนุญาตจากพวกเขาหรือไม่
จุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดก็คือเผ่าที่ศรัทธาในนาอาม่ามากที่สุด นั่นก็คือ เผ่าโดธาร์ล (Dotharl) นั่นเอง! ท่านฮิเอนและนักรบแห่งแสงไม่ค่อยจะยินดีกับข่าวนี้เท่าไหร่นัก สร้างความสับสนให้อิชโทลาไม่น้อย (แหม…ก็เผ่านี้เค้าขึ้นชื่อเรื่องความดุดันนี่นา 😅) ถึงกระนั้น พวกเขาก็เดินทางลงใต้ไปพบกับ ซาดู (Sadu) ผู้นำเผ่าโดธาร์ล เพื่อหารือทั้งเรื่องพันธมิตรและการเข้าถึงบ้านแห่งเหรียญเบี้ยว ซาดูตกลงโดยมีเงื่อนไขเพียงข้อเดียว… เธอต้องการประลองฝีมือกับนักรบแห่งแสงอีกครั้ง! ⚔️ (มาเลยเจ๊! พร้อมเสมอ!)
การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด และในไม่ช้าก็ดึงดูดความสนใจของ มักไน (Magnai) และเผ่าอาซิม (Azim) มักไนประกาศว่าในฐานะผู้พิทักษ์บุตรธิดาของนาอาม่าทั้งมวล การตัดสินใจเรื่องพันธมิตรนี้ขึ้นอยู่กับเผ่าอาซิม! อย่างไรก็ตาม ท่านฮิเอนและอิชโทลาก็ขัดขวางไม่ให้เขาเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการต่อสู้ระหว่างซาดูและนักรบแห่งแสง (จังหวะนี้อิชโทลาเท่มากครับ! ✨) การต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่สองครั้งจึงอุบัติขึ้นเพื่อตัดสินอนาคตของทุ่งหญ้า และในที่สุด นักรบแห่งแสงและสหายก็ได้รับชัยชนะ! 🎉 ไม่เพียงแต่ได้รับอนุญาตให้เข้าถึงซากปรักหักพังศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น แต่ยังสามารถโน้มน้าวให้สองเผ่าที่แข็งแกร่งที่สุดเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับโดม่าได้อีกด้วย! มักไนครุ่นคิดว่าอิชโทลาอาจจะเป็นเนื้อคู่ที่ฟ้าลิขิตมาให้เขา แต่เธอก็รีบดับฝันเขาด้วยการเรียกเขาว่า “เจ้าตะวันน้อย” (Little Sun) สร้างความขบขันให้ซาดูเป็นอย่างมาก 😂 (สมน้ำหน้า! 🤣) นักรบแห่งแสงและคณะเดินทางกลับไปหาเผ่ามอล ซึ่งพวกเขาก็ยืนยันว่าจะเข้าร่วมพันธมิตรด้วย โดยหวังว่าเผ่าเล็กๆ อื่นๆ จะทำตามเช่นกัน
เสียงเพรียกปริศนา และเหล่า Scions ที่ล้มลง 🌀
เมื่อกลับมายังบ้านแห่งเหรียญเบี้ยว อิชโทลาสังเกตว่าแม้ว่าอุปกรณ์นั้นจะมีเอเธอร์ (Aether) ส่วนเกินอยู่เป็นจำนวนมาก แต่พื้นที่โดยรอบท่อส่งพลังงานของอัลลาแกนกลับว่างเปล่าจากมัน เธอรวบรวมสมาธิไปที่อุปกรณ์นั้นและส่งพลังของเธอเข้าไปเพื่อเปิดใช้งานมันอีกครั้ง และก็ทำได้สำเร็จ! ✨ เมื่อเอเธอร์ไหลกลับเข้าสู่ The Burn เพื่อช่วยจ่ายพลังงานให้กับเกราะป้องกัน ท่านฮิเอนก็ไปพบกับประชาชนของเขาเพื่อฟังผลการเจรจาพันธมิตร หลายเผ่าตกลงที่จะเข้าร่วมกับโดม่า แต่ก็มีบางส่วนที่ปฏิเสธ ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้ท่านฮิเอนประหลาดใจนัก แต่จำนวนที่ตกลงก็มากพอที่ทำให้เขารู้สึกสบายใจเกี่ยวกับแนวป้องกันของโอธาร์ด และสามารถเดินทางไปเข้าร่วมประชุมกับพันธมิตรเอออร์เซียที่อาลา มิโกได้
นักรบแห่งแสงและเหล่า Scions ไปสมทบที่นั่นและเข้าร่วมการประชุม ซึ่งพวกเขาได้หารือเกี่ยวกับแผนการที่จะโค่นล้มจักรวรรดิ และที่สำคัญกว่านั้นคือเหล่าอาเชี่ยนที่อยู่เบื้องหลัง ธันเครดเสนอแผนการลวงโดยการปล่อยข่าวว่ามกุฎราชกุมารและรัชทายาทแห่งบัลลังก์นั้น ถูกพลังมืดเข้าสิง! 😈 เขาตั้งข้อสังเกตว่าไม่จำเป็นที่ผู้คนจะต้องเชื่อ แต่แค่ทำให้เกิดความสงสัยในสายการสืบทอดบัลลังก์ และกระตุ้นให้ผู้ที่อาจจะแย่งชิงบัลลังก์ลุกขึ้นมาดำเนินการ อย่างไรก็ตาม ขณะที่ผู้นำเอออร์เซียคนอื่นๆ กำลังหารือกันอยู่นั้น เหล่า Scions ก็ถูกโจมตีด้วยความเจ็บปวดอย่างกะทันหัน! 💥 นักรบแห่งแสงรู้สึกเหมือนถูกดูดเข้าไปในห้วงมิติอันมืดมิด ที่ซึ่งพวกเขาได้ยินเสียงเตือนว่าประวัติศาสตร์ต้องเปลี่ยนแปลง มิฉะนั้น คลื่นแห่งแสงจะกลืนกินทุกชีวิต! มันจบลงด้วยคำวิงวอนว่า “จงเปิดประตูออก!” (Throw open the gates) และทันทีที่มันจบลง ธันเครดก็ทรุดตัวลงหมดสติไป โดยที่แพทย์ไม่สามารถช่วยให้เขาฟื้นขึ้นมาได้! 😟 (ไม่นะธันเครดดด! 😭)
ด้วยความกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์เหล่านี้ เหล่า Scions จึงรีบกลับไปยัง Rising Stones เพื่อพบกับ ยูริอันเจ (Urianger) ผู้ซึ่งยืนยันว่าเขาเองก็ได้ยินเสียงนั้นเช่นกัน ยูริอันเจยังยืนยันด้วยว่าการขาดแคลนเอเธอร์อย่างประหลาดที่อิชโทลาพบในโอธาร์ดนั้น กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก! 🌍 แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้หารือกันอีกครั้ง เสียงนั้นก็ดังขึ้นอีก! วิงวอนให้เปิดประตูอีกครั้ง และคราวนี้ ทั้งอิชโทลาและยูริอันเจก็ล้มลงหมดสติไปเช่นกัน! (อะไรกันครับเนี่ย! 🤯)
อลิเซ่แทบจะสติแตก เธอสูญเสียน้องชาย และตอนนี้ก็เหล่า Scions อีก! เธอตัดสินใจพานักรบแห่งแสงไปเยี่ยม กา บู (Ga Bu) โคโบลด์หนุ่มน้อยที่อลิเซ่และนักรบแห่งแสงเคยช่วยเหลือไว้ แต่กลับกลายเป็นว่าอาจตกเป็นทาสของพรีมัลไททั่น (Primal Titan) กา บูยังคงไม่แสดงอาการดีขึ้น แต่ก็ยังไม่ได้คลุ้มคลั่งบูชาพรีมัล ซึ่งอลิเซ่ตีความว่าเจ้าหนูโคโบลด์ยังคงต่อสู้อยู่ภายในตัวเอง มันทำให้เธอมีความหวังขึ้นมาเล็กน้อย ขณะที่เธอระบายความในใจกับนักรบแห่งแสง ผู้ซึ่งพยายามปลอบโยนเด็กสาวอย่างสุดความสามารถ (เข้มแข็งไว้นะอลิเซ่! 💪😢)
กุหลาบดำ และความจริงอันน่าสะพรึงกลัวในจักรวรรดิ 🌹
ลึกลงไปในดินแดนของจักรวรรดิ ณ ค่ายของนักสู้ต่อต้าน ชาโดว์ฮันเตอร์ (Shadowhunter) และอัลฟิโน่ (ในที่สุดก็ได้เจอ! 🎉) ก็เดินทางมาถึง แต่กลับพบว่าทุกคนในค่ายเสียชีวิตหมดแล้ว โดยไม่มีร่องรอยการต่อสู้! อัลฟิโน่สับสนมาก แต่ชาโดว์ฮันเตอร์เปิดเผยว่ามันเป็นผลงานของอาวุธชีวภาพที่เคยคิดว่าถูกทอดทิ้งไปแล้วของจักรวรรดิที่รู้จักกันในชื่อ “กุหลาบดำ” (Black Rose) 🥀 อัลฟิโน่และชาโดว์ฮันเตอร์ต่างเห็นพ้องกันว่าการกระทำนี้มีร่องรอยของพวกอาเชี่ยนอยู่เบื้องหลังอย่างชัดเจน ก่อนที่จะเดินทางต่อไป
ในเมืองหลวงของจักรวรรดิ เซนอสที่ถูกอาเชี่ยนสิงร่าง (ซึ่งก็คือ เอลิดิบุส (Elidibus) ผู้ส่งสารนั่นเอง!) กำลังสนทนากับจักรพรรดิ วาริส (Varis zos Galvus) เซนอส (เอลิดิบุส) เปิดเผยว่าเขาคือเอลิดิบุสที่สวมร่างของเซนอส และยังบอกอีกว่าจักรพรรดิเพียงแค่เอ่ยคำเดียว กองทัพทั้งหมดของจักรวรรดิก็จะบดขยี้อาลา มิโกจนสิ้นซาก! อย่างไรก็ตาม จักรพรรดิกลับเลือกที่จะนิ่งเงียบ… เซนอส (เอลิดิบุส) ทำหน้าบึ้งตึงและกล่าวอำลา “บิดา” ของเขาอย่างประชดประชัน และหวังว่าเมื่อพวกเขาได้คุยกันครั้งต่อไป เขาจะคลายความสงสัยลงได้ เมื่อเซนอส (เอลิดิบุส) ออกจากห้องไป ก็มีเสียงอื่นปรากฏขึ้นและเยาะเย้ยความลังเลของจักรพรรดิ ว่าเป้าหมายทั้งหมดของจักรวรรดิคือการดำเนินเป้าหมายเดียว นั่นคือการรักษาสมดุลของแสงสว่างและความมืดในโลก และนั่นคือทั้งหมดที่พวกเขาควรจะกังวล เสียงนั้นดูเหมือนจะเป็นของ โซลัส ซอส กัลวุส (Solus zos Galvus) ปู่ของจักรพรรดิและผู้ก่อตั้งจักรวรรดิ! เขาสารภาพว่าเขาคืออาเชี่ยน และจักรวรรดิถูกก่อตั้งขึ้นเพื่อรับใช้อาเชี่ยน! 😱😱😱 (พีคในพีคไปอีกครับท่านผู้ชม!) จักรพรรดิยิงโซลัสด้วยกันเบลดของเขา และกล่าวว่าพวกอาเชี่ยนนี่ชอบฟังเสียงตัวเองจริงๆ (ตรงประเด็น! 😂) อย่างไรก็ตาม โซลัสก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในกลุ่มควันสีดำและยังคงเยาะเย้ยจักรพรรดิต่อไปก่อนที่จะจากไป
โอ้โห! จบลงไปแล้วนะครับสำหรับ “Prelude in Violet” บอกได้คำเดียวว่าทิ้งปมไว้เยอะมาก! ทั้งเรื่องของเหล่า Scions ที่ล้มป่วยปริศนา, เสียงเพรียกที่ต้องการให้ “เปิดประตู”, การปรากฏตัวของโซลัสที่เป็นอาเชี่ยน และแผนการของเอลิดิบุสที่สวมรอยเซนอส! มันช่างน่าติดตามจริงๆ ครับว่าเรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไป 🧐 แล้วเพื่อนๆ ล่ะครับ คิดว่า “ประตู” ที่ว่านั่นคืออะไร? และใครจะมาช่วยเหล่า Scions ของเราได้? คอมเมนต์พูดคุยกันได้เลยนะครับ! สำหรับวันนี้ผม Pingac ขอตัวลาไปก่อน แล้วเจอกันใหม่ในบทความหน้าครับ! สวัสดีครับ! 👋😊