เรื่องราวใน Final Fantasy XIV ดำเนินมาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญอีกครั้ง หลังจากเหล่านักรบแห่งแสง (Warrior of Light) ได้รับคำเชิญไปร่วมทานอาหารค่ำกับ Aymeric ที่ Ishgard เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อ Thancred พา Alisaie ที่บาดเจ็บสาหัสกลับมา เธอถูกธนูพิษของกลุ่มนักรบปริศนาที่เรียกตัวเองว่า “Ranger of Darkness” เล่นงานระหว่างสืบเรื่อง “นักรบแห่งความมืด” (Warriors of Darkness)
แม้จะบาดเจ็บ Alisaie ก็ได้ข้อมูลสำคัญมาว่า เป้าหมายต่อไปของเหล่านักรบแห่งความมืดคือ Xelphatol เพื่อสังหาร Primal อย่าง Garuda! นักรบแห่งแสงจึงต้องรีบมุ่งหน้าไปขัดขวางทันที
การปะทะที่ Xelphatol และความจริงอันน่าตกตะลึง
นักรบแห่งแสงมาถึง Xelphatol ได้ทันเวลาและสามารถปราบ Garuda ลงได้ก่อนที่เหล่านักรบแห่งความมืดและ Arcanist ชุดเทาผู้ลึกลับจะมาถึง แต่การเผชิญหน้าก็เกิดขึ้นจนได้
ความจริงของนักรบแห่งความมืด: พวกเขาเปิดเผยว่าตนมาจาก “The First” โลกคู่ขนานที่ใกล้เคียงกับ The Source มากที่สุด โลกของพวกเขาถูก “แสงสว่าง” กลืนกินหลังจากปราบ Ascians ได้สำเร็จ (ขาดความสมดุลระหว่างแสงและความมืด) ทำให้โลกกำลังจะดับสลาย พวกเขาจึงจำใจร่วมมือกับ Ascians เพื่อก่อภัยพิบัติ (Calamity) บน The Source เพื่อฟื้นฟูความมืดและสร้างสมดุลให้กับโลกของตนเอง
ฝาแฝด Leveilleur และการเดินทางสู่ The Navel
เมื่อ Alisaie ฟื้นตัว เธอก็พร้อมร่วมเดินทางไปกับนักรบแห่งแสงและ Alphinaud อีกครั้ง (หลังจาก Tataru เตรียมชุดนักผจญภัยชุดใหม่ให้ โดยคราวนี้เป็นสีแดง ไม่ซ้ำกับสีน้ำเงินของ Alphinaud แล้ว!) พวกเขาเดินทางไปยัง Waking Sands เพื่อพบ Urianger ที่กำลังตามหาเบาะแสของนักรบแห่งความมืด
Urianger แจ้งข่าวว่าเผ่า Kobolds กำลังจะอัญเชิญ Titan! ทำให้ Alphinaud และนักรบแห่งแสงต้องรีบไปยัง The Navel เพื่อหยุดยั้งแผนการนี้ ขณะเดียวกัน Alisaie ได้ขอให้ Urianger ศึกษาแผนการ “Ardor” ของ Ascians เพิ่มเติม โดยอ้างอิงถึงหนังสือต้องห้าม “Gerun Oracles” ที่ Elidibus เคยแนะนำ ท่าทีมีลับลมคมในของทั้งคู่ทำให้ Alphinaud และนักรบแห่งแสงรู้สึกสงสัย แต่ก็ต้องแยกย้ายกันไปทำภารกิจก่อน
โศกนาฏกรรมของ Ga Bu และการอัญเชิญ Titan
ที่ The Navel พวกเขาได้พบกับ Ga Bu เด็กชายชาว Kobold ที่พยายามขอความช่วยเหลือเพื่อหยุดยั้งหัวหน้าเผ่าไม่ให้บูชายัญพ่อแม่ของเขาเพื่ออัญเชิญ Titan แม้เหล่านักรบแห่งแสงและฝาแฝดจะพยายามช่วยขโมยคริสตัล แต่สุดท้ายก็ไม่ทันการ พวกเขาต้องบุกเข้าไปหยุดพิธีกรรม
ภาพพ่อแม่ถูกสังหารต่อหน้าต่อตา ทำให้ Ga Bu กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด และความรู้สึกนั้นเองที่กลายเป็นการอัญเชิญ Titan ขึ้นมา! แต่ Titan ที่ปรากฏกายกลับอ่อนแอกว่าที่คิด (อาจเพราะผู้สังเวยไม่ใช่ผู้ศรัทธา) ถึงกระนั้น มันก็ยังคงอันตรายและสังหารเหล่า Kobolds ไปมากมาย จนนักรบแห่งแสงต้องเข้าต่อสู้และปราบมันลง
หลังการต่อสู้ Alisaie พยายามปลอบ Ga Bu ที่ตกอยู่ในอาการช็อก ไม่พูดไม่จา ทำให้เกิดความกังวลว่าเขาอาจถูก Tempering ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น พวกเขาอาจจำเป็นต้องสังหาร Ga Bu ทิ้งตามกฎ
แผนซ้อนแผนและการเคลื่อนไหวใน Little Ala Mhigo
ขณะเดียวกัน ใน Thanalan เหล่านักรบแห่งความมืดได้พบกับ Arcanist ชุดเทา (ซึ่งบอกว่า Elidibus สั่งให้ยุยง Beast Tribes ต่อไป) พวกนักรบแห่งความมืดไม่พอใจที่แผนล่าช้า แต่ Arcanist ชี้ว่า การสังหารนักรบแห่งแสงก็สามารถก่อให้เกิดความโกลาหลพอที่จะนำไปสู่ Calamity ได้เช่นกัน นักรบแห่งความมืดจึงขอให้ Arcanist จัดฉากการพบกัน โดยสัญญาว่าจะจัดการนักรบแห่งแสงอย่างไม่ทรมาน
เช้าวันต่อมา พวก Alphinaud เตรียมตัวเดินทางต่อ โดยฝาก Ga Bu ไว้กับทหารจนกว่าจะแน่ใจว่าเขาปลอดภัย (Ga Bu กล่าวขอบคุณ Alisaie ก่อนจากไปอย่างเงียบๆ)
กลับมาที่ Waking Sands, Urianger ยืนยันเรื่องโลกคู่ขนานและ Calamity ทั้ง 7 ครั้งที่ทำลายโลกไปแล้ว 7 แห่ง เหลือเพียง The Source และอีก 6 โลก เขาแจ้งเบาะแสเพิ่มเติมว่ามีคริสตัลถูกลักลอบส่งไปยัง Little Ala Mhigo อาจเพื่อใช้อัญเชิญ Rhalgr ต่อกรกับจักรวรรดิ Garlean ไม่นาน Thancred ก็ติดต่อมายืนยันว่าพบการลักลอบขนส่งคริสตัลจริง โดยเชื่อมโยงกับ Ascian และสายลับสามหน้า “The Ivy”
ณ Little Ala Mhigo กลุ่มกบฏใหม่ “The Masks” นำโดยชายสวมหน้ากากนาม “The Griffin” กำลังปลุกระดมผู้คนให้ทวงคืน Gyr Abania จาก Garlean ที่นั่นเอง นักรบแห่งแสงและ Alphinaud ก็ได้พบกับ Yda และ Papalymo อีกครั้ง! ทั้งคู่มาที่นี่เพื่อตอบแทนกลุ่มกบฏที่เคยช่วยพวกเขาหนีจาก Ul’dah หลังเหตุการณ์ Bloody Banquet และขาดการติดต่อไปตั้งแต่นั้น (เพราะ The Masks อาจดักจดหมายไว้)
Yda และ Papalymo เล่าว่า The Griffin ที่เห็นเป็นเพียงตัวปลอม (Fake Griffin) ที่มีวาทศิลป์ดีกว่าตัวจริง ซึ่ง The Masks ไม่ต้องการความช่วยเหลือจาก Scions พวก Alphinaud จึงต้องปลอมตัวเพื่อสืบเรื่อง Primal โดย Papalymo แนะนำให้ลองเข้าหา Fake Griffin
เมื่อ Fake Griffin ถูกจับได้ เขาสารภาพว่าไม่ได้จะอัญเชิญ Primal เอง แต่จะนำคริสตัลไปแลกความช่วยเหลือจากเผ่า Amalj’aa เพื่อให้อัญเชิญ Ifrit มาสู้กับ Garlean Yda คัดค้านอย่างหนัก แต่ Fake Griffin โต้กลับว่านี่คือโลกแห่งความจริง ไม่ใช่เทพนิยายที่ทุกคนจะโลกสวยได้
การเผชิญหน้าครั้งสุดท้ายและการเปิดเผยครั้งสำคัญ
เหล่านักรบแห่งแสงและพรรคพวกตามไปยัง Bowl of Embers และได้พบกับเหล่านักรบแห่งความมืดที่กำลังไล่ล่า Amalj’aa การต่อสู้ดุเดือดเริ่มต้นขึ้น Alisaie ใช้ Aetherial Blade โจมตี แต่แล้ว Arcanist ชุดเทาก็ปรากฏตัวขึ้น และเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง… เขาคือ Urianger!
Urianger อธิบายว่าทั้งหมดเป็นแผนของเขา เขาให้ทุกคนชูคริสตัลแห่งแสงขึ้น และส่งมอบพลังงานนั้น ทำให้ทุกคนถูกดึงเข้าสู่ Aetherial Sea ที่นั่น พวกเขาได้พบกับ Hydaelyn และ “The Voice of the Mother” ซึ่งก็คือ Minfilia นั่นเอง!
Hydaelyn แสดงความเสียใจต่อชะตากรรมของ The First แต่พลังงานแสงสว่างที่เหล่านักรบแห่งความมืดมอบให้ (โดยไม่ได้ตั้งใจ ผ่านการต่อสู้กับ WoL) ทำให้พระองค์แข็งแกร่งพอที่จะส่ง Minfilia (ในฐานะทูตและผู้ดูดซับแสงส่วนเกิน) ไปยัง The First เพื่อช่วยเหลือโลกนั้น Minfilia ได้รับอิสรภาพคืนมา กล่าวอำลาเพื่อนๆ มอบไม้เท้า Tupsimati (ของ Louisoix) ให้แก่นักรบแห่งแสง และเดินทางไปยัง The First พร้อมกับเหล่านักรบแห่งความมืด
Scions แห่งรุ่งอรุณใหม่และลางร้ายที่กำลังก่อตัว
เหล่า Scions กลับมารวมตัวกันที่ Rising Stones อีกครั้งเพื่อวางแผนอนาคต (ระหว่างนั้นมีเหตุการณ์ที่ผู้นำกลุ่มกบฏเก่าแก่ทัก Yda เพราะจำได้ แต่สงสัยว่าทำไมเธอไม่แก่ลงเลย ทำให้ Yda ต้องรีบแก้ตัวและหนีไป ส่วน Papalymo ตามไปบ่นเรื่อง “หน้ากาก” ที่เขามอบให้ Yda)
Alphinaud เสนอให้ Scions แยกย้ายกันปฏิบัติภารกิจแต่ยังคงเป้าหมายร่วมกันคือปกป้อง Eorzea:
- Yda & Papalymo: กลับไป Thanalan เพื่อสอดแนม The Griffin
- Y’shtola & Krile: ศึกษาเรื่อง Primal และผลกระทบ
- Thancred: ดูแลภาพรวมและภัยคุกคามต่อ Eorzea
- Urianger: คอยศึกษาและจับตาดูความเคลื่อนไหวของ Ascians
- Alphinaud & Alisaie: ร่วมเดินทางและสนับสนุนนักรบแห่งแสง
- Tataru: ดูแลฐานทัพ Rising Stones
Papalymo ขอยืมไม้เท้า Tupsimati จากนักรบแห่งแสง ก่อนจะกลับไปหา Yda ที่กำลังครุ่นคิดถึงเรื่องราวในอดีต
บทส่งท้าย: Fake Griffin กำลังรายงานต่อ The Griffin ตัวจริง ทันใดนั้น Elidibus ก็ปรากฏตัวขึ้น กล่าวว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผน และมอบ “ดวงตาของ Nidhogg” ที่นักรบแห่งความมืดเก็บมาได้ให้กับ The Griffin ผู้โกรธแค้นและกระหายการแก้แค้น… ขณะเดียวกัน ที่ Carteneau Flats, Nero tol Scaeva ก็ค้นพบบางสิ่งเกี่ยวกับเทคโนโลยี Allagan และแสยะยิ้มอย่างมีความหมาย
เรื่องราวใน Patch 3.4 “Soul Surrender” จบลงด้วยการจากไปของ Minfilia การคลี่คลายปมของเหล่านักรบแห่งความมืด และการเริ่มต้นใหม่ของ Scions of the Seventh Dawn แต่ภัยคุกคามจาก Ascians, จักรวรรดิ Garlean และ The Griffin ยังคงอยู่ การต่อสู้เพื่อ Eorzea ยังคงต้องดำเนินต่อไป!