สวัสดีครับชาวกันดั้มและคนรักหุ่นเหล็ก! วันนี้เราจะมาเจาะลึกเรื่องราวของกันดั้มเฟรมสุดยูนีค ที่มีชีวิตพลิกผันยิ่งกว่าละคร นั่นคือ ASW-G-29 กันดั้มแอสทารอธ (Gundam Astaroth) หนึ่งใน 72 กันดั้มเฟรมระดับตำนานจากยุค Calamity War เมื่อ 300 ปีก่อน ในจักรวาล Mobile Suit Gundam: Iron-Blooded Orphans (IBO) บอกเลยว่าประวัติของมันทั้งเท่ ทั้งน่าสงสารปนฮา!
กำเนิดและโชคชะตาพลิกผันของตระกูลวอร์เรน
กันดั้มแอสทารอธ เป็นหนึ่งในกันดั้มเฟรมหายากเพียง 26 ตัวที่รอดจากสงครามครั้งใหญ่ เดิมทีเป็นสมบัติของตระกูลวอร์เรน (Warren Family) ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับองค์กรทรงอิทธิพลอย่าง กัลป์ฮอร์น (Gjallarhorn) แต่โชคชะตาก็เล่นตลก เมื่อตระกูลประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนัก จนต้องจำใจ ขายชิ้นส่วนเกราะและอาวุธ ของแอสทารอธในตลาดมืด เหลือเพียงโครงกันดั้มเฟรมเปล่าๆ ซึ่งสุดท้ายก็ตกไปอยู่ในมือของ “แด๊ดดี้ เท็ด” แห่งแก๊งค์ตันโต เทมโป (Tanto Tempo)
แฟชั่นจำเป็น: สภาพ ‘จับฉ่าย’ ของแอสทารอธ
เมื่อต้องถูกนำกลับมาใช้งาน แอสทารอธจึงถูกคืนชีพแบบตามมีตามเกิด กลายเป็นหุ่นสไตล์ “Mix & Match” สุดแนว:
- แขนซ้ายและไหล่ซ้าย: ใช้เกราะของ สปินเนอร์ โรดี้ (Spinner Rodi) มาใส่ทดแทน
- เกราะเอว (บูสต์เกราะ – Boost Armor): ไม่ได้มีไว้เท่อย่างเดียว แต่จำเป็นอย่างยิ่งในการ ช่วยรักษาสมดุล ของหุ่นที่ใส่เกราะไม่สมมาตร ทำให้จุดศูนย์ถ่วงเพี้ยนไปหมด
นี่คือภาพสะท้อนความจำเป็นที่เกิดจากสถานการณ์บีบบังคับอย่างแท้จริง!
คลังแสงตามมีตามเกิด
อาวุธของแอสทารอธก็มีที่มาหลากหลายไม่แพ้ชิ้นส่วนเกราะ:
- มีดเหน็บ (Knife): มีดต่อสู้พื้นฐาน พกไว้ที่บูสต์เกราะข้างเอวสำหรับต่อสู้ระยะประชิด
- ปืนไรเฟิล (Rifle): อาวุธมาตรฐานดั้งเดิมสมัยอยู่กับตระกูลวอร์เรน
- มีดรื้อถอน (Demolition Knife): จริงๆ คือดาบพับขนาดยักษ์ สูงกว่าตัวหุ่นเมื่อกางออก พับเก็บได้สะดวกด้านหลัง แต่ข้อเสียคือความแข็งแรงตรงจุดพับ
- ปืนไรเฟิลต่อต้านยุทโธปกรณ์ 210 มม. (210mm Anti-Material Rifle): อีกหนึ่งอาวุธหนักจากยุควอร์เรนรุ่งเรือง ยาวมากจนต้องต่อเข้ากับเอว (และต้องถอดบูสต์เกราะข้างหนึ่ง)
- พันเซอร์เฟาสต์ (Panzerfaust): จรวดแบบใช้แล้วทิ้ง ติดตั้งไว้ด้านหลังเป็นคู่ เพิ่มพลังทำลายระยะไกล
ลูกเล่นพิเศษ (และที่ใช้ไม่ได้!)
แอสทารอธมีระบบเฉพาะตัวที่น่าสนใจ แต่บางอย่างก็ใช้งานไม่ได้แล้ว:
- ซับ-นักเคิล (Sub-Knuckle): หมัดเสริมที่แขนซ้าย ดัดแปลงจากเกราะกระโปรงเฮียคุเรน (Hyakuren) โดยฝีมือ วอลโก วอร์เรน (Volco Warren) ทายาทตระกูล
- การเชื่อมต่อประสาท (Neural Connection): ระบบเด่นที่ช่วยให้นักบิน อาร์จี มิราจ (Argi Mirage) ซึ่งมีแขนขวาเทียม สามารถเชื่อมต่อระบบประสาทกับหุ่นได้โดยตรง ทำให้ควบคุมได้รวดเร็วราวกับเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย
- กลไกส่งพลังงานพิเศษ (Special Energy Transmission Mechanism): ระบบล้ำยุคสำหรับจ่ายพลังงานให้อุปกรณ์พิเศษ… แต่! อุปกรณ์เหล่านั้นหายสาบสูญไปตอนตระกูลวอร์เรนขายชิ้นส่วนหุ่นทิ้ง! กลายเป็นระบบสุดเทพที่ไม่มีของให้ใช้… น่าเศร้าจริงๆ
เส้นทางสุดผจญภัยของแอสทารอธ
ประวัติของหุ่นตัวนี้ผจญภัยยิ่งกว่านิยาย:
- การค้นพบ: หลังสงคราม ตระกูลวอร์เรนบังเอิญพบแอสทารอธที่ก้นหลุมอุกกาบาตบนดวงจันทร์ และเก็บมาเป็นสมบัติ
- การตกต่ำ: ตระกูลประสบปัญหาทางการเงินขั้นวิกฤต จนต้องขายชิ้นส่วนหุ่นในตลาดมืด
- สู่มือเจ้าพ่อ: โครงหุ่นที่เหลือตกไปอยู่กับแด๊ดดี้ เท็ด
- ภารกิจทวงคืน: วอลโก้ วอร์เรน ออกเดินทางเพื่อตามหาและซื้อแอสทารอธคืน
- นักบินจำเป็น: อาร์จี มิราจ ถูกจ้างมาสังหารแด๊ดดี้ เท็ด แต่เหตุการณ์พลิกผัน ทำให้เขาต้องปกป้องเป้าหมาย และจับพลัดจับผลูมาขับแอสทารอธ
- ถูกขโมยซ้ำ: หลังรวบรวมชิ้นส่วนซ่อมแซมได้ถึง 82% นานาโอะ นาโรลิน่า ก็มาขโมยเกราะไปขายต่อ! วอลโก้ตามหาแทบพลิกแผ่นดินแต่ก็ไม่พบ
- การกลับมา: 6 เดือนต่อมา จานมาร์โก ซาแลร์โน พบแอสทารอธในตลาดมืดเขตดาวพฤหัสฯ และซื้อกลับมาคืนวอลโก้ได้สำเร็จ

กำเนิดใหม่: กันดั้มแอสทารอธ รินาชิเมนโต
เนื่องจากเกราะเดิมหายไปมาก แอสทารอธจึงถูกซ่อมแซมโดยใช้ชิ้นส่วนจากหุ่นตัวอื่นอีกครั้ง จนกลายเป็น ASW-G-29 กันดั้มแอสทารอธ รินาชิเมนโต (Gundam Astaroth Rinascimento) ที่มีรูปลักษณ์แปลกตาแต่แฝงความเท่ไปอีกแบบ
บทสรุป
กันดั้มแอสทารอธ คือตัวอย่างที่ชัดเจนของ Mobile Suit ที่มีชะตากรรมสุดรันทดแต่ก็สู้ชีวิต จากกันดั้มเฟรมสมบูรณ์กลายเป็นหุ่น “จับฉ่าย” ที่ต้อง拼拼凑凑 (ปะติดปะต่อ) ชิ้นส่วนจากหุ่นอื่น แต่ยังคงรักษาเอกลักษณ์และความร้ายกาจไว้ได้ เป็นสีสันสำคัญในจักรวาล Mobile Suit Gundam: Iron-Blooded Orphans (โดยเฉพาะในภาคแยกมังงะ Gekko) ที่แฟนๆ ไม่ควรมองข้าม
คุณคิดอย่างไรกับเจ้ากันดั้มจับฉ่ายตัวนี้? ชอบความเท่แบบไม่สมมาตร หรือสงสารชะตากรรมของมัน? คอมเมนต์มาแลกเปลี่ยนกันได้เลย!