กลับมาอีกแล้วเพื่อนๆ! กับสรุปเนื้อเรื่อง FFXIV! คราวนี้เราจะพักเรื่องดราม่าสงครามหลักๆ ใน ARR ไว้แป๊บนึง แล้ววาร์ปไปตะลุย ‘ไซด์สตอรี่’ สุดยิ่งใหญ่ ที่บอกเลยว่าเนื้อเรื่องเข้มข้น อลังการ และ ‘สำคัญโคตรๆ’ ต่อเนื้อเรื่องหลักในอนาคตเลยนะ! (ใครยังไม่ทำ ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวเนื้อเรื่องหลักมันบังคับให้เรากลับมาทำอยู่ดี! 🤣 รู้ล่วงหน้าไว้ก่อนก็เท่กว่า!) นั่นคือเรื่องราวการผจญภัยใน ‘Crystal Tower’ (คริสตัลทาวเวอร์) หอคอยโบราณสุดลึกลับที่จู่ๆ ก็โผล่ขึ้นมากลางดินแดน Mor Dhona หลังเหตุการณ์ Calamity นั่นเอง! มันคืออะไรกันแน่? มีความลับอะไรซ่อนอยู่ข้างใน? ทำไมเราถึงต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยว? ตามปิงมาไขปริศนาแห่งอารยธรรม Allagan กันเลย!
ตำนานหอคอยคริสตัล: มรดก Allagan และสัญญาปีศาจ 📜😈
ก่อนอื่น ต้องเล่าเท้าความถึงตำนานของหอคอยนี้กันก่อน ย้อนไปในยุคโบราณที่อารยธรรม Allagan Empire กำลังรุ่งเรืองสุดขีด พวกเขาได้สร้างเจ้า Crystal Tower นี่ขึ้นมาเพื่อเป็น ‘แหล่งพลังงาน’ ขนาดยักษ์! ใช้เทคโนโลยีสุดล้ำในการรวบรวมและกักเก็บพลังงานจากดวงอาทิตย์! แน่นอนว่าของสำคัญขนาดนี้ ระบบป้องกันก็ต้องแน่นหนา มีทั้งกับดัก กลไก และสิ่งมีชีวิตโบราณที่ถูกปลุกเสกเสริมพลังด้วยเทคโนโลยี Allagan เฝ้าอยู่เพียบ!
แต่แล้ว… ในช่วงปลายยุคที่สาม จักรวรรดิ Allagan ก็เริ่มเสื่อมอำนาจลง ผู้ปกครองในยุคนั้นชื่อ Amon (นักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง) เลยคิดแผนพิสดาร! ไป ‘โคลนนิ่ง’ เอา Xande (ซานเด) จักรพรรดิผู้ก่อตั้งจักรวรรดิ์คนแรกสุด กลับขึ้นมาใหม่! หวังจะให้มาฟื้นฟูความยิ่งใหญ่อีกครั้ง!
แต่เรื่องมันพีคตรงที่… ไอ้ร่างโคลนนิ่งของ Xande เนี่ย มันดันมีความทะเยอทะยานส่วนตัวสูงปรี๊ด! แถมยังจิตใจดำมืด! ดันแอบไปทำ ‘ข้อตกลง’ กับ Cloud of Darkness ตัวตนสุดน่ากลัวจาก The Void (มิติแห่งความมืด) เพื่อจะเปิดประตูมิติ อัญเชิญกองทัพปีศาจ Voidsent มาถล่ม Eorzea ให้ราบ! หวังจะทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่างไปเลย!
Xande เลยสร้าง ‘ดวงจันทร์เทียม’ ขึ้นมา ชื่อว่า Dalamud (ใช่! ใช่แล้ว! ไอ้ดวงแดงๆ ที่ตกลงมาตอน Calamity นั่นแหละเพื่อน! เรื่องมันโยงกันหมด!) เพื่อใช้เป็นตัวส่งพลังงานมหาศาลไปยัง Syrcus Tower (ซึ่งเป็นส่วนยอดของ Crystal Tower) สำหรับใช้ในการเปิดประตู Voidgate!
แต่พลังงานที่ส่งมามันดัน ‘มหาศาลเกินไป’ ควบคุมไม่ได้! ทำให้ Syrcus Tower เกิดการ ‘ระเบิด’ ครั้งใหญ่! ส่งผลให้เกิดแผ่นดินไหวครั้งรุนแรง กลายเป็นจุดเริ่มต้นของยุคมืด Umbral Era ที่สี่! ตัวหอคอย Crystal Tower ทั้งหมดก็จมลงใต้ดิน กลายเป็นแค่ตำนานไปพร้อมกับการล่มสลายของอารยธรรม Allagan…
ส่วน Amon กับ Xande ที่อยู่ในหอคอยตอนนั้น ก็ต้องใช้เทคโนโลยีบางอย่าง ทำให้ตัวเองอยู่ในสภาพ ‘จำศีล’ (Stasis) รอดชีวิตมาได้… ขณะที่ชาว Allagan ที่เหลือรอดอยู่กลุ่มสุดท้าย นำโดยเจ้าหญิง Salina ก็มีความหวังว่าซักวันหนึ่ง หอคอยนี้จะถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้งเพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวัง นางเลยแอบฝัง ‘รหัสพันธุกรรม’ ของราชวงศ์ Allagan ซึ่งเชื่อมต่อกับหอคอยนี้ได้ ไว้ในสายเลือดของเผ่าพันธุ์ Mi’qote (บรรพบุรุษน้องแมวเหมียวของเรานี่เอง! 😺) เผื่อว่าในอนาคต ลูกหลาน Mi’qote ที่มีสายเลือดพิเศษนี้ จะสามารถสานฝันของนางในการฟื้นฟูอารยธรรม Allagan ขึ้นมาใหม่ได้!
หอคอยตื่น! Cid นำทีม NOAH บุกสำรวจ! 🕵️♂️🔭
ตัดภาพกลับมาที่ยุคปัจจุบัน (ARR – Umbral Era ที่เจ็ด) เจ้า Crystal Tower มันก็ผุดขึ้นมาจากใต้ดินอีกครั้งหลังเหตุการณ์ Calamity! สร้างความตื่นตะลึงและความสงสัยให้กับทุกคน! แน่นอนว่า คนที่คันไม้คันมืออยากเข้าไปสำรวจเทคโนโลยีโบราณสุดล้ำข้างในที่สุดจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก… Cid nan Garlond วิศวกรอัจฉริยะของเรานั่นเอง!
Cid เลยไปจับมือกับลุง Rammbroes และกลุ่มนักสำรวจโบราณคดี Sons of Saint Coinach พร้อมทั้งรวบรวมเหล่านักผจญภัย (ก็พวกเรานี่แหละ!) เพื่อตั้งทีมสำรวจหอคอยนี้ขึ้นมา แต่พอไปถึงหน้าทางเข้า ก็เจอว่ามันถูกปิดผนึกไว้ด้วยรูปปั้นยักษ์ Eight Sentinels 8 ตน!
และแล้ว… พระเอกของเรา (ในเนื้อเรื่องส่วนนี้) ก็ปรากฏตัว! หนุ่มน้อยนักวิชาการจาก Sharlayan ผมแดง ตาพิเศษ นามว่า G’raha Tia (ก’ราฮา เทีย) เขาได้เข้ามาให้ข้อมูลสำคัญ และตั้งชื่อกลุ่มสำรวจของเราว่า NOAH (Nominated Observers of Artifacts Historical) (ชื่อย่ออย่างเท่!) G’raha บอกว่าเขามี ‘สายเลือดพิเศษ’ ที่อาจจะเกี่ยวข้องกับหอคอยนี้ และได้มอบหมายให้เรา (นักรบแห่งแสง) ไปรวบรวม Perfect Crystal กับ Aethereal Sand มาให้ Cid สร้างกุญแจ Crystal Fang เพื่อใช้เปิดทางเข้าสู่ส่วนแรกลึกเข้าไปในหอคอย!
ตะลุย Labyrinth สู่ Syrcus Tower (เจอทั้งโคลน ทั้งศัตรูเก่า!) 🌀🤖
เมื่อได้กุญแจแล้ว ก็ได้เวลาบุก! ด่านแรกที่เราต้องเจอคือ Labyrinth of the Ancients (นี่คือ Alliance Raid หรือ เรด 24 คน ด่านแรกที่เราต้องลงนะเพื่อนๆ!) ข้างในเต็มไปด้วยกลไก กับดัก และผู้พิทักษ์สุดโหดอย่าง Phlegethon วีรบุรุษ Allagan ที่ถูกปลุกเสกเฝ้าทางเข้า!
หลังจากฝ่าฟันออกมาได้ Cid กับกลุ่ม NOAH ก็กลับไปพักฟื้น แต่การสำรวจของเราดันไปเตะตา Nero tol Scaeva คู่ปรับตลอดกาลของ Cid จากจักรวรรดิ Garlean เข้าซะได้! (มาเผือกอะไรตอนนี้เนี่ย! 😅)
เมื่อเราพยายามจะเปิดประตูเข้าสู่ Syrcus Tower ส่วนต่อไป ก็พบว่ามันแข็งแกร่งมาก! ต้านทานได้ทั้งพลังกาย เวทมนตร์ หรือแม้แต่อาวุธ Magitek! แต่แล้วจู่ๆ ก็มีบุคคลปริศนาสองคนโผล่มา! Doga (โดก้า) กับ Unei (อูเน่) พวกเขาอ้างว่าเป็น Students of Baldesion (เหมือน Krile) แล้วก็ใช้พลังเปิดประตู Syrcus Tower ให้เราเฉยเลย!
ทันใดนั้น Nero ก็โผล่มาอีก! พร้อมกับเฉลยว่า ประตูนี้มันจะตอบสนองเฉพาะ ‘สายเลือด Allagan ที่แท้จริง’ เท่านั้น! นั่นหมายความว่า Doga กับ Unei ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา แต่เป็น ‘ร่างโคลน’ ของนักปราชญ์ Allagan โบราณ ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อยับยั้งแผนการร้ายของ Xande นั่นเอง! พวกเขาต้องการความช่วยเหลือจากเราในการเข้าไปกำจัด Xande ที่อยู่ส่วนในสุดของหอคอย!
เอาล่ะสิ! รวมพลังกันบุก Syrcus Tower (เรด 24 คน ด่านที่สอง!) เข้าไปลุยกับ Amon (ที่ฟื้นจาก Stasis แล้ว) และในที่สุดก็ได้เผชิญหน้ากับ Xande ร่างโคลนสุดชั่วร้าย!
หายนะ Voidgate! Cloud of Darkness ปรากฏตัว! ☁️😈
หลังจากเราจัดการ Xande ลงได้สำเร็จ Cid กับ Nero ก็ตามมาถึงพอดี Doga กับ Unei กำลังจะใช้พลังปิดประตู Voidgate ที่ Xande เปิดทิ้งไว้ เพื่อตัดขาดสัญญาที่ Xande ทำไว้กับโลกแห่งความมืด… แต่! Cloud of Darkness บอสใหญ่จาก The Void ไม่ยอมให้เรื่องมันจบง่ายๆ! นางโผล่ออกมาจากประตูมิติ! หวังจะทำลายทุกอย่าง!
Doga กับ Unei พยายามเข้าต่อต้าน แต่พลังของ Cloud of Darkness มันมหาศาลเกินไป! ทำให้ Doga ถูกดูดเข้าไปใน World of Darkness (โลกแห่งความมืด)! Nero ที่เห็นท่าไม่ดี พยายามจะเข้าไปช่วย… ก็โดนดูดตามเข้าไปด้วยอีกคน!!! 😱 โชคยังดีที่พลังงาน Void ที่รั่วไหลออกมาจากประตู มันดันไปทำปฏิกิริยาปกป้อง Doga กับ Unei (ที่เป็นร่างโคลนพลังงาน) ไว้ ทำให้ทั้งคู่ไม่ได้รับอันตรายร้ายแรง… แต่ก็ติดอยู่ในนั้น! ดราม่าเฉย! อะไรวะเนี่ย!?
ภารกิจบุก World of Darkness! (เรด 24 สุดท้าย!) 🌌
เมื่อเพื่อน (จำเป็น?) โดนดูดเข้ามิติปีศาจไปแบบนี้ Cid เลยเสนอให้เรากลับไปตั้งหลักที่ Saint Coinach’s Find ก่อน แต่ภัยคุกคามจาก Cloud of Darkness มันก็ปรากฏออกมานอกหอคอยแล้ว! แถมตัว Crystal Tower เองก็ยังคงรวบรวมพลังงานส่งไปให้ Cloud of Darkness ตามคำสั่งสุดท้ายของ Xande อีก! ซึ่งวิธีหยุดมันได้ มีเพียงผู้มีสายเลือด Allagan เท่านั้น!
Cid เลยต้องสร้างประตู Voidgate จำลองขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อส่งเรา (นักรบแห่งแสง) และ G’raha Tia (ผู้มีสายเลือด Allagan ที่เปิดเผยตัวแล้ว) นำทัพนักผจญภัย 24 คน บุกเข้าไปใน World of Darkness (เรด 24 คน ด่านที่สาม และด่านสุดท้ายของซีรีส์นี้!) เพื่อช่วยเหลือ Doga, Unei, Nero และจัดการกับ Cloud of Darkness ให้สิ้นซาก!
ข้างใน World of Darkness นี่คือสุดยอดแห่งความนัว! บรรยากาศน่ากลัว ศัตรูโหด บอสอลังการ! (ใครยังไม่เคยลง ต้องลอง!) ในที่สุดเราก็ฝ่าฟันไปจนเจอ Doga, Unei, และ Nero ได้สำเร็จ Doga กับ Unei ตัดสินใจว่าจะขออยู่ใน World of Darkness ต่อไป เพื่อคอยผนึก Cloud of Darkness ไม่ให้ออกมาอาละวาดได้อีก! แต่ก่อนจะจากกัน พวกเขาได้ทำสิ่งสุดท้าย… คือการถ่ายทอด ‘สายเลือด Allagan’ และพลังความรู้ทั้งหมดที่พวกเขามี… ให้กับ G’raha Tia!!! 💥 (“มอบพลังให้เจ้า… สืบทอดเจตนารมณ์ของเราต่อไป!”) ทำให้ตอนนี้ G’raha กลายเป็นผู้ที่สามารถควบคุมและเข้าใจพลังของ Crystal Tower ได้อย่างสมบูรณ์!
เราและ G’raha เดินทางกลับสู่ Eorzea ได้อย่างปลอดภัย ส่วน Nero ก็หนีรอดกลับมาได้เหมือนกัน (น่าจะได้ Cid ช่วยไว้อีกตามเคย)
คำอำลาของ G’raha Tia: ผนึกหอคอย รอวันหวนคืน 🔒
เมื่อกลับมาถึง Saint Coinach’s Find แล้ว G’raha Tia ที่ตอนนี้ได้รับพลังและสืบทอดเจตนารมณ์มาเต็มๆ ก็ได้เปิดเผยความจริงทั้งหมดเกี่ยวกับชาติกำเนิดและภารกิจที่แท้จริงของเขา… เขาตัดสินใจแล้วว่า จะต้องทำการ ‘ปิดผนึก’ Crystal Tower เอาไว้ก่อน พร้อมกับ ‘ผนึกตัวเอง’ ให้อยู่ในสภาวะจำศีล (Stasis) หลับใหลอยู่ข้างในนั้นไปด้วย!!!
ทำไมล่ะ!? เพราะ G’raha เชื่อว่า Eorzea ในยุคปัจจุบัน ยังไม่พร้อมที่จะรับมือกับพลังและเทคโนโลยีอันยิ่งใหญ่ของ Crystal Tower ได้ หากเปิดทิ้งไว้ อาจจะนำมาซึ่งหายนะซ้ำรอยประวัติศาสตร์ เขาจะขอหลับใหล รอคอยเวลาในอนาคต… วันที่ Eorzea พัฒนาไปข้างหน้ามากพอ ทั้งทางด้านเทคโนโลยีและอารยธรรม จนสามารถเข้าใจและใช้พลังของหอคอยนี้ได้อย่างถูกต้องและสร้างสรรค์… เพื่อสานต่อความฝันของเจ้าหญิง Salina ให้เป็นจริง…
มันเป็นการตัดสินใจที่โคตรจะเสียสละเลยเพื่อนๆ! 😭 G’raha กล่าวคำอำลากับเราและเพื่อนๆ กลุ่ม NOAH เขาบอกว่ามิตรภาพที่ได้รับจากพวกเรา ทำให้เขามีความหวังว่า วันที่เขาจะได้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง มันอาจจะมาถึงเร็วกว่าที่คิดก็ได้… แล้วประตูก็ปิดลง… หอคอยถูกผนึก… และพวกเราก็ต้องแยกย้ายกันไปตามทางของตัวเอง…
และแล้ว… เรื่องราวการผจญภัยอันน่าตื่นเต้นใน Crystal Tower ก็จบลง (สำหรับตอนนี้… รึเปล่านะ? 😉) ด้วยการปิดผนึกหอคอย พร้อมกับการหลับใหลอันยาวนานของเพื่อนแมวเหมียวผมแดง G’raha Tia ของเรา… เป็นอีกหนึ่งไซด์สตอรี่ใน FFXIV ที่ทั้งยิ่งใหญ่ อลังการ เปิดเผย Lore สำคัญๆ เกี่ยวกับอารยธรรม Allagan และโลกในอดีตเพียบ! แถมยังแอบทิ้งท้ายด้วยความรู้สึกเศร้าๆ ซึ้งๆ อีกด้วย 😢
การได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ ความลับ และเทคโนโลยีโบราณจากหอคอยแห่งนี้ มันจะเป็นประโยชน์และเชื่อมโยงกับเนื้อเรื่องหลักในอนาคตอย่างแน่นอน! (ใครเล่นไปถึงภาคใหม่ๆ แล้วจะร้องอ๋อเลย!) ส่วน G’raha Tia น่ะเหรอ? เพื่อนๆ คิดว่าเราจะได้เจอเขาอีกไหม? …อันนี้ก็ต้องติดตามกันต่อไปในเกมนะ! 😉 วันนี้ปิงลาไปก่อน เจอกันใหม่เรื่องหน้าจ้า! บายยย! 👋