สวัสดีครับชาว pingac.com ทุกท่าน! ผม…นักเขียนสายกล้องคนเดิมของคุณกลับมาแล้วครับ วันนี้ขอมาแบบตื่นเต้นนิดนึง เพราะมีข่าวลือสเปคของกล้องที่หลายคนรอคอยจนเหงือกแห้ง นั่นก็คือ Fujifilm X-E5 นั่นเองครับ! หลังจากที่ X-E4 ทำให้แฟนๆ เสียงแตกกันไปพอสมควร กับดีไซน์ที่มินิมอลเกิ๊น…จนหลายคนบ่นว่า “ปุ่มข้าหายไปไหน!” คำถามคือ การกลับมาครั้งนี้ของ X-E5 จะเป็นการกลับมาทวงบัลลังก์ “กล้องของตากล้อง” ได้หรือไม่ และที่สำคัญ มันจะดีพอที่จะเป็น “X100VI Killer” ในเวอร์ชันเปลี่ยนเลนส์ได้รึเปล่า? มาดูกันแบบเจาะลึกและจริงใจที่สุดกันเลยครับ
บทความนี้เป็นพรีวิวจากข้อมูลสเปคที่หลุดออกมาและคาดการณ์กันนะครับ กล้องตัวจริงอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ รอติดตามรีวิวฉบับเต็มจากเราอีกครั้งเมื่อกล้องเปิดตัวครับ!
Fujifilm X-E5 มีอะไรใหม่? นี่สิที่เรียกว่าการกลับมา!
จากข้อมูลที่ได้มา X-E5 ดูเหมือนจะฟังเสียงจากแฟนๆ มากขึ้น โดยดึงเอาจุดเด่นของรุ่นพี่ๆ กลับมา และเสริมทัพด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่น่าสนใจมากๆ ครับ
แป้นหมุน Film Simulation Dial… สไตล์ล้วนๆ แต่โคตรใช่!
นี่คือฟีเจอร์ที่ทำเอาผมร้องว้าว! X-E5 มาพร้อมแป้นหมุน Film Simulation โดยเฉพาะบน Top Plate แถมมีช่องหน้าต่างเล็กๆ โชว์ชื่อฟิล์มที่เราเลือกอยู่ด้วย! มันอาจจะดูเหมือนเน้นสไตล์มากกว่าฟังก์ชัน แต่เชื่อเถอะว่าฟีเจอร์แบบนี้แหละที่ทำให้การถ่ายรูปมัน “สนุก” ขึ้นเป็นกอง!
แต่ความเด็ดมันอยู่ตรงนี้ครับ…เราสามารถตั้งค่า Film Simulation Recipes ที่เราปรุงแต่งเอง (ใช่ครับ ฟูจิเอาคำว่า ‘Recipes’ ที่พวกเราเรียกกันมาใช้เองเลย) ลงไปในแป้นหมุนได้ 3 แบบ! คุณสามารถปรับแก้ Grain, Clarity, Color Chrome Effect และค่าอื่นๆ แล้วเซฟไว้เป็นสูตรเฉพาะของเราได้เลย เวลาจะใช้ก็แค่หมุนแป้น…จบ! สะดวกและตอบโจทย์สายสร้างสรรค์สุดๆ
กันสั่นในบอดี้ (IBIS) ที่รอคอย
ในที่สุด! X-E5 ก็มีกันสั่นในบอดี้ (In-Body Image Stabilization) มาให้แล้วครับ แถมยังเป็นตัวเดียวกับใน X-T50 ที่เคลมว่าชดเชยสปีดชัตเตอร์ได้สูงสุดถึง 7.0 Stops ใช้เซ็นเซอร์ Gyro ตัวใหม่และอัลกอริทึมที่ปรับปรุงมาเพื่อประสิทธิภาพที่ดีขึ้น งานนี้สายถ่ายในที่แสงน้อย หรือสายเดินถ่าย Street แบบไม่ใช้ขาตั้งกล้องได้ยิ้มแก้มปริแน่นอน
สวิตช์ปริศนา ‘Self-timer’ แบบ X100VI
จำสวิตช์เท่ๆ ด้านหน้าของซีรีส์ X100 ได้ไหมครับ? X-E5 หยิบยืมมาใช้ด้วย! มันคือสวิตช์ที่เราสามารถโยกซ้าย-ขวา หรือกดค้างเพื่อเรียกใช้ฟังก์ชันต่างๆ ได้ถึง 5 อย่าง (มีปุ่มตรงกลางอีกหนึ่ง) ซึ่งทั้งหมดนี้เรา Custom ได้เองหมดเลย เพิ่มความรวดเร็วในการเข้าถึงเมนูโปรดโดยไม่ต้องละสายตาจากช่องมองภาพ
Classic Viewfinder Mode: เอาใจสาย Retro
ฟีเจอร์เล็กๆ แต่น่ารัก คือโหมดแสดงผลในช่องมองภาพ (EVF) แบบใหม่ ที่จำลองหน้าจอ LED ของกล้องฟิล์มรุ่นเก่า แสดงแค่ข้อมูลที่จำเป็นด้วยฟอนต์สีแดง พร้อมแถบวัดแสงแบบเข็ม…ถามว่าแม่นยำมั้ย? ก็คงไม่เท่าแบบดิจิทัล แต่ถามว่าได้ฟีลลิ่งมั้ย? บอกเลยว่าเต็มๆ ครับ!
สเปคหลักๆ ที่คาดว่าจะเป็นของ Fujifilm X-E5
- เซ็นเซอร์: 40MP BSI CMOS ขนาด APS-C
- ระบบกันสั่น: IBIS ชดเชยได้สูงสุด 7.0EV
- ปุ่มควบคุม: Twin clickable command dials (ปุ่มหมุนหน้า-หลัง กดได้)
- แป้นหมุนพิเศษ: Film Simulation Dial พร้อมฟังก์ชัน ‘Recipe’
- ช่องมองภาพ: EVF 2.36 ล้านจุด
- หน้าจอ: LCD ระบบสัมผัสขนาด 3 นิ้ว 1.04 ล้านจุด พับขึ้น-ลงได้
- วิดีโอ: สูงสุด 6.2K/30p (Crop 1.23x)
- การถ่ายภาพต่อเนื่อง: 8fps (Mechanical Shutter), 13fps (Electronic Shutter)
- พอร์ตเชื่อมต่อ: ช่องเสียบไมค์, หูฟัง (ผ่าน USB-C)
- ราคาเปิดตัวคาดการณ์: $1699 (ประมาณ 62,000 บาท) สำหรับบอดี้อย่างเดียว
เปรียบเทียบหมัดต่อหมัด: X-E5 ปะทะคู่แข่งในตลาด
เมื่อดูจากสเปคและราคาที่คาดการณ์ไว้ $1699 ในโซนอเมริกาเหนือ ทำให้ Fujifilm X-E5 ต้องลงไปต่อยกับมวยรุ่นใหญ่หลายตัวเลยครับ ทั้งกล้อง Full-Frame หรือแม้กระทั่งพี่น้องร่วมค่ายอย่าง X-T5 มาดูกันว่าถ้าเอามาวางเทียบกันแล้ว ใครมีดีอะไรบ้าง
คุณสมบัติ | Fujifilm X-E5 | Sony a6700 | Nikon Z5 II (สมมติ) | Fujifilm X-T5 |
---|---|---|---|---|
ราคาเปิดตัว (US) | $1699 | $1399 | $1699 | $1699 |
เซ็นเซอร์ | 40MP BSI CMOS APS-C | 26MP BSI CMOS APS-C | 24MP BSI CMOS Full-Frame | 40MP BSI CMOS APS-C |
กันสั่น (IBIS) | 7.0EV | 5.0EV | 7.5EV | 7.0EV |
ช่องมองภาพ (EVF) | 2.36M dot, 0.62x | 2.36M dot, 0.70x | 3.69M dot, 0.8x | 3.69M dot, 0.8x |
หน้าจอหลัง | 3.0″ 1.04M dot, Tilt | 3.0″ 1.04M dot, Fully-articulating | 3.2″ 2.10M dot, Fully-articulating | 3.0″ 1.84M dot, 3-way tilt |
วิดีโอสูงสุด | 6.2K/30p (Crop) | 4K/120p (Crop) | 4K/60p (Crop) | 6.2K/30p (Crop) |
ช่องใส่การ์ด | 1x UHS-II SD | 1x UHS-II SD | 2x UHS-II SD | 2x UHS-II SD |
น้ำหนัก | 445g | 493g | 700g | 557g |
ขนาด (มม.) | 125 x 73 x 38 | 122 x 69 x 64 | 134 x 101 x 72 | 130 x 91 x 64 |
วิเคราะห์คู่ชก: ใครได้ใครเสีย?
จากตารางจะเห็นว่าราคาของ X-E5 ในโซนอเมริกานั้น “ชน” กับ Fujifilm X-T5 แบบจังๆ ซึ่งถ้ามองแค่สเปคบนกระดาษ X-T5 ดูจะให้มาคุ้มกว่าพอสมควร ทั้งช่องมองภาพที่ดีกว่า, มี Weather-Resistant, และช่องใส่การ์ด 2 ช่อง แต่สิ่งที่ X-E5 ชนะขาดคือ “ขนาดและน้ำหนัก” ที่เล็กและเบากว่าอย่างชัดเจน เหมาะกับคนที่ต้องการความคล่องตัวสูงสุดในสไตล์ Rangefinder
ถ้าเทียบกับ Sony a6700, X-E5 ให้ความละเอียดสูงกว่าและมีดีไซน์ที่คลาสสิกกว่า ในขณะที่ a6700 จะโดดเด่นเรื่องวิดีโอและระบบออโต้โฟกัสที่ขึ้นชื่อ ส่วน Nikon Z5 II (ซึ่งเป็น Full-Frame) ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากถ้าคุณไม่เกี่ยงเรื่องขนาดที่ใหญ่และหนักกว่า
Body & Handling: สัมผัสแรกและความรู้สึกในการใช้งาน
X-E5 ให้ความรู้สึกที่ “แน่น” และ “พรีเมียม” กว่ารุ่นก่อนอย่างชัดเจน น้ำหนัก 445 กรัม อาจจะหนักกว่า X-E4 แต่ก็แลกมากับความรู้สึกที่แข็งแรงทนทาน
- ปุ่มควบคุม: การกลับมาของ Command Dial คู่หน้า-หลัง และสวิตช์ปรับโหมดโฟกัส ทำให้การควบคุมกล้องทำได้ง่ายและเป็นธรรมชาติเหมือนรุ่นพี่อย่าง X-Pro หรือ X-T
- กริป: มีการเพิ่มกริปเล็กๆ ทั้งด้านหน้าและหลัง ทำให้จับถือได้มั่นคงขึ้นกว่า X-E4 ที่แบนเรียบไปหมด แม้จะไม่ใหญ่เท่ากล้องทรง SLR แต่ก็เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไปครับ
- ช่องมองภาพและแบตเตอรี่: ช่องมองภาพ (EVF) อยู่มุมซ้ายตามสไตล์ซีรีส์ X-E ซึ่งเหมาะกับตากล้องที่ถนัดมองด้วยตาขวา (จะทำให้จมูกไม่ชนจอ) ส่วนแบตเตอรี่ยังคงใช้รุ่น NP-W126S เหมือนเดิม คาดว่าอายุการใช้งานจะใกล้เคียงกับ X-T50 ครับ
สรุปความประทับใจแรก: กล้องที่ใช่ ในราคาที่ต้องคิด
โดยส่วนตัวแล้ว ผมตื่นเต้นกับการกลับมาของ Fujifilm X-E5 ในทิศทางนี้มากครับ มันคือการกลับไปสู่รากเหง้าของซีรีส์ X-E ที่เป็นกล้องสำหรับ “ตากล้อง” จริงๆ การเพิ่มปุ่มควบคุม, IBIS, และฟีเจอร์สนุกๆ อย่าง Film Simulation Dial ทำให้มันเป็นกล้องที่น่าใช้ขึ้นมาก
ถ้าจับคู่กับเลนส์ใหม่ 23mm F2.8R WR มันก็คือ “Interchangeable Lens X100VI” ดีๆ นี่เอง สำหรับคนที่รักสไตล์ของ X100 แต่ต้องการความยืดหยุ่นในการเปลี่ยนเลนส์ นี่คือคำตอบที่ใกล้เคียงที่สุดแล้วครับ
อย่างไรก็ตาม จุดที่น่ากังวลที่สุดก็คือ ‘ราคา’ นี่แหละครับ ราคาเปิดตัวที่คาดการณ์ไว้สูงขนาดนี้ ทำให้มันต้องไปชนกับตัวท็อปๆ ในตลาดอย่างช่วยไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นกล้อง Full-Frame หรือแม้แต่พี่น้องร่วมค่ายที่สเปคสูงกว่าอย่าง X-T5
สุดท้ายแล้ว ความ ‘ใช่’ ในสไตล์, ขนาดที่พกพาสะดวก และฟีเจอร์ที่ได้มา จะคุ้มค่ากับราคาที่ต้องจ่ายหรือไม่? อันนี้คงต้องให้กระเป๋าตังค์ของแต่ละคนเป็นผู้ตัดสินแล้วล่ะครับ! สำหรับผม…ถ้าเข้าไทยแล้วราคาไม่แรงเกินไปนัก บอกเลยว่ามีเสียเงินแน่นอน!