ชาวเกมเมอร์ โดยเฉพาะแฟนๆ Bethesda และคอเกม RPG Open World ทั้งหลาย! กรี๊ดกันคอแตกไปรึยังกับ Starfield! 🔥 เกมที่แบกความคาดหวังระดับจักรวาล! (ก็แหงล่ะ!) นี่คือเกม Single Player ฟอร์มยักษ์เกมแรกของ Bethesda ในรอบหลายปี (นับตั้งแต่ Fallout 4 ปี 2015 นู่น!) แถมยังต้องมา ‘กู้หน้า’ จากตอนเปิดตัว Fallout 76 ที่ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ และที่สำคัญ! หลังโดน Microsoft ทุ่มเงินซื้อไปตั้ง 7.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ! Starfield ก็ต้องมารับบทเป็น ‘เกมเรือธง’ ลำใหม่ แทนที่พี่ Master Chief จาก Halo ที่ดูเหมือนจะขอพักร้อนยาวๆ ไปซะแล้ว! โอ้โห! แรงกดดันมหาศาลขนาดนี้… แล้วพอเกมออกมาจริงๆ… มันเป็นยังไง!? ดีสมคำร่ำลือ หรือ แป้ก!? วันนี้ปิงจะมารีวิวแบบจัดเต็ม เล่นจริง เจ็บจริง (นิดหน่อยน่า!) ให้เพื่อนๆ ฟังกัน!
คำตอบคือ…? (สปอยล์: ส่วนใหญ่คือดีย์!) 🎉
เอาแบบฟันธงก่อนเลยนะเพื่อนๆ… ถ้าถามว่า Bethesda ทำสำเร็จไหม? คำตอบคือ… พวกเขาทำได้! (They pull it off!) 🎉 ใช่แล้ว! Starfield เป็นเกมที่ ‘โคตรใหญ่’ ‘โคตรอลังการ’ และจะทำให้แฟนๆ Bethesda ที่โหยหาเกม RPG สไตล์เดิมๆ กับแฟนเกมที่อยากผจญภัยในอวกาศอันไร้ขอบเขต ‘มีความสุข’ และ ‘ดูดเวลาชีวิต’ ไปได้เป็นร้อยๆ ชั่วโมงแน่นอน! ปิงคอนเฟิร์ม!
แต่! (มันต้องมีแต่สิ! 🤣) มันก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบไร้ที่ตินะเพื่อน มันก็ยังมี ‘จุดที่ต้องติ’ จุดที่ ‘น่าขัดใจ’ ตามสไตล์ Bethesda เขาล่ะ! ซึ่งเดี๋ยวเราจะมาว่ากันต่อ
โคตรใหญ่ โคตรอิสระ! (ตามสไตล์ Bethesda ที่เรารัก?) 🗺️✨
สิ่งที่ Starfield ทำได้ดีเยี่ยม และเป็นจุดแข็งที่ Bethesda เชี่ยวชาญอยู่แล้วก็คือ:
- สเกลที่ใหญ่เวอร์วัง: คำว่า “ใหญ่” คือนิยามของเกมนี้เลย! จักรวาลมันกว้างใหญ่ไพศาลมาก! มีดาวเคราะห์เป็นพันๆ ดวงให้สำรวจ! ปิงเล่นไป 80 กว่าชั่วโมง ทำเควสหลักจบ เควส Faction ใหญ่ๆ จบหมดแล้ว แต่รู้สึกว่ายังเจอคอนเทนต์ไม่ถึงครึ่งเลยมั้ง! มันมีอะไรให้ทำเยอะมากจริงๆ!
- โลกที่มีชีวิต (แบบ Bethesda): ถึงจะเป็นอวกาศ แต่ฟีลลิ่งความเป็น Bethesda ยังอยู่ครบ! เราสามารถใช้ชีวิตอยู่ในโลกของเกมนี้ได้นาน 50 – 500 ชั่วโมง หรือมากกว่านั้น! มีอิสระในการเลือกทำภารกิจต่างๆ ได้หลายวิธี การตัดสินใจของเราส่งผลกระทบต่อเนื้อเรื่องและตัวละครอื่นๆ ในแบบที่เราอาจคาดไม่ถึง!
- การสำรวจที่คุ้มค่า (ส่วนใหญ่): การขับยานไปลงจอดยังดาวต่างๆ แล้วออกเดินสำรวจ มันให้ความรู้สึกที่เป็น ‘นักสำรวจอวกาศ’ จริงๆ ถึงแม้ดาวบางดวงจะโล่งๆ แต่หลายๆ ครั้งเราก็มักจะเจออะไรน่าสนใจซ่อนอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นฐานทัพร้าง, ถ้ำลึกลับ, หรือยานอวกาศที่ตกอยู่ ซึ่งมักจะมีเรื่องราว หรือของดีๆ ซ่อนอยู่เสมอ
แต่! ในความดีงามตามสไตล์ Bethesda มันก็แฝง ‘จุดอ่อน’ ที่คุ้นเคยมาด้วย:
- หน้าตาตัวละคร!: 🤣 อันนี้คือ… ถึงแม้จะบอกว่าพัฒนาขึ้นจากเกมก่อนๆ เยอะแล้ว แต่มันก็ยังดู ‘แข็งๆ’ ‘ทื่อๆ’ ‘ไร้อารมณ์’ อยู่ดีเพื่อน! โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับเกม RPG ยุคใหม่ๆ อย่าง Baldur’s Gate 3 ที่เพิ่งออกมาไล่เลี่ยกันนี่คือ… คนละเรื่องเลย! 😅
- เนื้อเรื่องหลัก?: อันนี้แล้วแต่คนชอบนะ แต่สำหรับปิง รู้สึกว่าเนื้อเรื่องหลักในการตามหาวัตถุโบราณ มันอาจจะไม่ได้ ‘ว้าว’ หรือ ‘น่าติดตาม’ เท่ากับพวก ‘เควสรอง’ หรือ ‘เควส Faction’ ที่มักจะมีพล็อตที่เข้มข้น หักมุม และน่าสนใจกว่าเยอะ! (ซึ่งก็เป็นปกติของเกม Bethesda แหละเนอะ! 😂)
จุดพีคที่คาดไม่ถึง: ระบบต่อสู้ ‘ยิงมันส์’ เฉยเลย! 🔫💥
ใครที่เคยหัวร้อนกับระบบยิงปืนสุดเห่ยใน Fallout (ภาค 3, 4, 76 ตอนไม่ใช้ VATS) มาก่อน… ลืมฝันร้ายนั้นไปได้เลยเพื่อน! เพราะ Starfield ทำเรื่องนี้ออกมาได้ ‘ดีเกินคาด’ มากๆ!
ระบบการยิงปืนในเกมนี้มัน ‘สนุก’ และ ‘รู้สึกดี’ กว่าเกมก่อนๆ ของ Bethesda แบบคนละเรื่อง! มันอาจจะไม่ได้สมจริงระดับ Call of Duty หรือลื่นไหลเท่า Destiny หรอกนะ แต่ปิงกล้าพูดเลยว่ามัน ‘ดีกว่า’ Cyberpunk 2077 (ตอนเปิดตัว) ซะอีก! การยิงมันรู้สึก ‘มีน้ำหนัก’ เสียงปืนก็ทำได้ดี
และที่สำคัญที่สุดคือ ‘Jetpack’ (ไอพ่นติดหลัง)! อันนี้คือตัวเปลี่ยนเกมเพลย์เลย! ปิงแนะนำว่าให้อัปสกิล Jetpack ให้เต็มก่อนเป็นอันดับแรก! เพราะมันจะทำให้เราเคลื่อนไหวได้ ‘โคตรพริ้ว’ บินข้ามฉาก หลบการโจมตี หรือขึ้นที่สูงได้อย่างรวดเร็ว! ยิ่งไปเจอดาวที่แรงโน้มถ่วงต่ำๆ นะเพื่อนเอ๊ย! บินกันมันส์หยด! ทำให้การต่อสู้มันดู ‘รวดเร็ว’ และ ‘ตื่นเต้น’ ขึ้นมากๆ!
ส่วนการ ‘ต่อสู้ด้วยยานอวกาศ’ ก็ทำออกมาได้สนุกดีนะ อาจจะไม่ได้บังคับง่ายเท่าเดินยิงบนพื้น แต่การขับยานไล่ยิงกัน (Dogfight) การจัดการพลังงานส่วนต่างๆ ของยาน (คล้ายๆ เกม FTL แต่ไม่ซับซ้อนเท่า) หรือการเล็งยิงไปที่ ‘เครื่องยนต์’ ของยานศัตรูเพื่อหยุดมัน แล้วบุกเข้าไป ‘ยึดยาน’ ทั้งลำเลยก็ทำได้! (แต่ส่วนใหญ่ปิงขี้เกียจ เน้นระเบิดทิ้งมากกว่า 🤣)
เนื้อเรื่องหลัก & เควส Faction สุดเข้มข้น 📜👮♂️🤠
อย่างที่บอกไป เนื้อเรื่องหลักคือการที่เรา (นักขุดแร่โนเนม) ไปแตะโดน ‘วัตถุโบราณ’ ลึกลับ แล้วเกิดเห็นภาพนิมิตแปลกๆ จนได้ไปเข้าร่วมกับกลุ่มนักสำรวจ “Constellation” เพื่อตามหาวัตถุเหล่านี้ให้ครบ และไขปริศนาว่ามันคืออะไรกันแน่… พล็อตมันก็ประมาณนี้แหละ แต่ความสนุกที่แท้จริงมันอยู่ ‘ระหว่างทาง’ และ ‘เควสอื่นๆ’ มากกว่า!
เควสที่ทำออกมาได้ดีงาม เข้มข้น และน่าติดตามที่สุด ก็คือ ‘เควส Faction’ ต่างๆ นี่แหละเพื่อน! ที่ปิงชอบมากๆ มีอยู่ 2 อัน คือเควสของ UC Vanguard (ตำรวจอวกาศฝ่าย United Colonies) อันนึงจะให้เราไปสืบเรื่องเกี่ยวกับ ‘สัตว์ประหลาดเอเลี่ยน’ สุดสยองที่เกือบทำลายล้างมนุษยชาติในอดีต อีกอัน (ที่ปิงว่าดีที่สุดในเกม!) คือการที่เราต้องรับบท ‘สายลับสองหน้า’ แทรกซึมเข้าไปในแก๊งโจรสลัดอวกาศ “Crimson Fleet” แล้วสุดท้ายต้องเลือกว่าจะเข้ากับฝ่ายไหน! ดราม่าเข้มข้น ทางเลือกส่งผลเยอะมาก!
นอกจากนี้ก็ยังมี Faction อื่นๆ ให้เข้าร่วม เช่น Freestar Rangers (นายอำเภออวกาศ สไตล์คาวบอย), หรือ Ryujin Industries (บริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่ ให้เราทำภารกิจแนวสายลับ ลอบเร้น – อันนี้ส่วนตัวปิงว่าแอบน่าเบื่อนิดนึง 😅) เราสามารถเข้าร่วมได้หลาย Faction นะ ไม่ได้บังคับให้เลือกแค่อันเดียว (ยกเว้นเควส UC/Crimson Fleet ที่ต้องเลือกข้างตอนจบ)
นอกเหนือจาก Faction หลักแล้ว ก็ยังมี ‘เควสรอง’ อีกเป็นร้อยๆ เควส! มีตั้งแต่เควสเล็กๆ น้อยๆ ฮาๆ (เช่น ไปหาเครื่องดื่มจากอีกฟากกาแล็กซีให้ผู้หญิงคนนึง!) ไปจนถึงเควสที่ซับซ้อน มีเรื่องราวหักมุมสไตล์ Fallout เลยก็มี! แถมเควสพวกนี้ยังโผล่มาได้จากทุกที่! แค่เดินไปได้ยินคนคุยกันในบาร์ ก็อาจจะนำไปสู่การผจญภัยครั้งใหญ่ได้!
เพื่อนร่วมทาง & ความสัมพันธ์ (ที่อาจจะสู้ Baldur’s Gate 3 ไม่ได้?) ❤️
Bethesda พยายามจะเน้นเรื่อง ‘เพื่อนร่วมทาง’ (Companions) มากขึ้นในภาคนี้ เรามีเพื่อนร่วมทีมหลักๆ จาก Constellation อยู่ 4 คน ที่สามารถพาไปลุยด้วยได้ มีเควสส่วนตัว (Loyalty Quest) ให้ทำ มีระบบความสัมพันธ์ให้พัฒนา และสามารถ ‘โรแมนซ์’ ได้ด้วย…
แต่! ต้องยอมรับตามตรงว่า… ระบบนี้มันยังสู้เกม RPG ตัวพ่อตัวแม่เรื่องความสัมพันธ์อย่าง Mass Effect หรือโดยเฉพาะอย่างยิ่ง Baldur’s Gate 3 ที่ดันมาออกไล่เลี่ยกันไม่ได้เลยจริงๆ! 😅 การที่ Starfield ออกมาทีหลัง BG3 ไม่กี่สัปดาห์ ทำให้โดนเปรียบเทียบเรื่องนี้เละเทะเลย!
ตัวละครที่ปิงว่าโดดเด่นและน่าสนใจที่สุดคือ Sam Coe คาวบอยอวกาศ อดีต Freestar Ranger ที่ได้เสียงพากย์สุดเท่จาก Elias Toufexis (คนพากย์ Adam Jensen จาก Deus Ex!) เนื้อเรื่องของเขากับลูกสาวและอดีตภรรยาก็น่าติดตาม ส่วนคนอื่นๆ อย่าง Sarah Morgan (ตัวละครหญิงหลักที่โปรโมทเยอะๆ) หรือ Barrett (นักสำรวจอารมณ์ดี) ปิงรู้สึกว่ายังธรรมดาๆ ไปหน่อย แต่ก็มีตัวละครหญิงลึกลับ Andreja ที่ปิงเลือกโรแมนซ์ด้วย ซึ่งก็… เอ่อ… บทโรแมนซ์มันค่อนข้างจืดชืดไปนิดนึงนะเพื่อน 😅 ประมาณว่า “ผมรักคุณนะ” “ฉันดีใจที่คุณพูดแบบนั้น ฉันก็รักคุณเหมือนกัน” จบ! 🤣
ข้อควรระวัง: เพื่อนร่วมทางหลักๆ จาก Constellation ส่วนใหญ่จะเป็น ‘คนดี’ โลกสวยนะเพื่อน! ถ้าใครคิดจะเล่นเป็น ‘โจรสลัดอวกาศสุดชั่ว’ ไล่ปล้นฆ่าคนไปทั่ว อาจจะต้องปล่อยให้เพื่อนๆ กลุ่มนี้รออยู่ที่ยานนะจ๊ะ ไม่งั้นโดนบ่น โดนตัดสินแน่นอน!
แต่ถึงแม้เพื่อนร่วมทางหลักอาจจะยังไม่สุดเท่าไหร่ แต่พวก NPC ย่อยๆ ตามเมือง ตามดาวต่างๆ นี่แหละที่สร้างสีสันและความมีชีวิตชีวาให้เกมได้ดีมาก! มีบุคลิก มีเรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ ที่น่าสนใจซ่อนอยู่เพียบเลย
จุดอ่อนเรื่องหน้าตาตัวละคร: อันนี้คือสิ่งที่ต้องพูดอีกครั้ง… หน้าตาและ Animation ของตัวละครใน Starfield มันยังดู ‘แข็ง’ และ ‘ไม่เป็นธรรมชาติ’ อยู่มากจริงๆ! 🤣 ถึงจะดีขึ้นกว่า Fallout 4 แต่ก็ยังตามหลังเกมยุคเดียวกันอยู่หลายขุม! เสียงพากย์ตัวละครน่ะทำได้ดีนะ แต่การแสดงออกทางสีหน้าคือสอบตก! นี่อาจจะเป็นจุดอ่อนที่ชัดเจนที่สุดของเกมเลยก็ได้
1000 ดวงดาว! การสำรวจ และ Sandbox สไตล์ No Man’s Sky? 🪐🏗️
มาถึงเรื่อง ‘ดาวพันดวง’ ที่หลายคนสนใจ! ใช่ครับ! เกมนี้มีดาวเคราะห์และดวงจันทร์ให้เราไปสำรวจเป็นพันๆ แห่งจริงๆ! ซึ่งแน่นอนว่ามันทำให้หลายคนนึกถึงเกม No Man’s Sky (NMS) ซึ่งปิงก็ยอมรับว่า… ระบบการเล่นพื้นฐานหลายๆ อย่างมัน ‘เหมือน’ NMS มากจริงๆ! ทั้งการขุดแร่, การสแกนพืช/สัตว์/แร่ธาตุ, การสำรวจดาว, การสร้างฐาน, การปรับแต่งยาน… ใครบอกว่าไม่เหมือนนี่เถียงขาดใจเลย! 🤣
แต่มันไม่ใช่คำด่านะ! เพราะ NMS ในปัจจุบันมันก็เป็นเกมที่ดีมากๆ เกมหนึ่ง Starfield แค่หยิบยืมระบบ Sandbox เหล่านั้นมา แล้วใส่ ‘ความเป็น RPG’ สไตล์ Bethesda เข้าไป ซึ่งปิงคิดว่า Starfield ทำได้ดีกว่า NMS (ในตอนเปิดตัว) ตรงที่ ‘สิ่งที่ให้ทำ’ บนดาวแต่ละดวง มันดูมีเป้าหมายและเนื้อหามากกว่า ไม่ใช่แค่การสำรวจหรือฟาร์มของไปเรื่อยๆ อย่างเดียว
ถึงแม้ดาวส่วนใหญ่จะใช้ระบบ Procedural Generation (สุ่มสร้างสภาพแวดล้อม) ซึ่งอาจจะทำให้เจออะไรซ้ำๆ กันบ้าง แต่! หลังจากเล่นไปหลายสิบชั่วโมง ปิงก็ยังคงเจอ ‘สถานที่ใหม่ๆ’, ‘เหตุการณ์แปลกๆ’, หรือ ‘ดันเจี้ยนที่ไม่เคยเห็น’ อยู่เรื่อยๆ นะ! เช่น ไปเจอห้องทดลองร้างที่เต็มไปด้วยสัตว์ประหลาด, ไปเจอซากยานอวกาศที่ต้องไขคดีฆาตกรรม, หรือที่พีคสุดคือ… ปิงลองขับยานไปลงจอดบนดาวรกร้างแห่งหนึ่งแบบมั่วๆ เดินไปเรื่อยๆ ดันไปเจอฐานทัพของพวกทหารรับจ้าง! เลยจัดการซะเรียบ! ปรากฏว่าพวกมันทิ้ง ‘ยานแม่’ ลำใหญ่เบิ้ม Class C ไว้! ปิงเลยเข้าไปเคลียร์คนบนยานต่อ แล้วก็… ยึดยานแม่ลำนั้นมาเป็นของตัวเองซะเลย! โคตรเท่! นี่คือสิ่งที่เจอโดยบังเอิญล้วนๆ ไม่ได้มีเควสต์บอกเลยนะ! สุดยอด!
การปรับแต่งยานและการสร้างฐานก็มีให้ทำเยอะมาก! ใครสายสร้าง สายแต่ง น่าจะเพลินกับระบบนี้ได้เป็นร้อยชั่วโมงเลย (แต่ปิงไม่ใช่สายนั้นเท่าไหร่ 😅)
เรื่องน่ารำคาญ & บั๊ก (สไตล์ Bethesda ที่คุ้นเคย!) 😩🐛
แน่นอนว่าเกมใหญ่ขนาดนี้ มันก็ต้องมีเรื่องจุกจิกกวนใจ หรือ บั๊ก บ้างแหละ ตามสไตล์ Bethesda เขาเลย! 🤣
- ระบบ Oxygen (O2) / Stamina: อันนี้น่ารำคาญสุด! มันคือแถบ Stamina ดีๆ นี่เอง วิ่งแป๊บๆ หรือใช้ Jetpack บ่อยๆ ก็หมดแล้ว แถมยังฟื้นฟูช้าอีก! การอัปเกรดสกิลก็ช่วยได้แค่นิดหน่อย และใช้เวลานานมากกว่าจะอัปได้เต็ม
- ฉากโหลด (Loading Screens): เกมนี้มีฉากโหลด ‘ค่อนข้างเยอะ’ นะเพื่อนๆ โดยเฉพาะเวลาเข้า-ออกอาคารในเมืองใหญ่ๆ อย่าง Neon นี่คือโหลดถี่มาก! ใครใช้ SSD ก็อาจจะไม่รู้สึกเท่าไหร่ แต่ถ้าใครใช้ HDD อาจจะมีหัวร้อนบ้าง
- ขอบเขตดาวเคราะห์ (Planet Boundaries): เรื่องที่เคยเป็นดราม่าก่อนเกมออกว่าเราเดินรอบดาวไม่ได้… เอาจริงๆ คือ ‘ไม่มีผล’ กับการเล่นเลย! เพราะขอบเขตมันไกลมาก! (ต้องเดิน 40 นาทีในทิศเดียว!) ไม่มีทางที่เราจะเดินไปถึงได้ในการเล่นปกติอยู่แล้ว อยากไปส่วนอื่นของดาว ก็แค่ขึ้นยานแล้วบินไปลงจุดใหม่ ง่ายกว่าเยอะ!
- บั๊ก (Bugs): บั๊กก็มีแหละ! แต่ส่วนใหญ่ที่ปิงเจอ จะเป็นบั๊กตลกๆ ขำๆ ซะมากกว่า เช่น NPC เดินลอยได้, NPC ยืนทะลุโต๊ะ, NPC หน้ากระตุกตอนคุยด้วย 🤣 บั๊กที่ส่งผลต่อการเล่นจริงๆ จังๆ เจอแค่ไม่กี่ครั้ง เช่น ยิงปืนในโหมดล็อกเป้าไม่ได้ (ต้องรีสตาร์ทเกม), หรือ NPC ทั้งเมืองกลายเป็นศัตรูโดยไม่มีเหตุผล (ต้องโหลดเซฟใหม่) ซึ่งก็ถือว่า ‘น้อยกว่า’ เกมก่อนๆ ของ Bethesda เยอะนะ! ส่วนเรื่อง Performance ก็มีกระตุกบ้างในเมืองใหญ่ๆ แต่โดยรวมถือว่าทำได้ค่อนข้างดี
ตอนจบ & New Game+ (ที่แอบซับซ้อน?) 🤔🔄
อันนี้คงสปอยล์ไม่ได้นะเพื่อนๆ แต่บอกได้แค่ว่า ตอนจบของเนื้อเรื่องหลักมันนำไปสู่ระบบ New Game+ (NG+) ที่น่าสนใจ แต่ก็แอบ ‘ซับซ้อน’ และ ‘น่าสับสน’ นิดหน่อยในตอนแรก ว่ามันคืออะไรกันแน่? และการเลือก NG+ มันส่งผลยังไงบ้าง? ปิงแนะนำว่า พอเล่นเนื้อเรื่องหลักจบแล้ว อย่าเพิ่งรีบกดเริ่ม NG+ ทันที! ลองเล่นต่อไปในเซฟเดิมก่อน ทำเควสที่เหลือ หรือสำรวจโลกให้พอใจก่อน แล้วค่อยตัดสินใจอีกที หรือไม่ก็ สร้าง Backup Save สำคัญๆ ไว้ก่อน เผื่อเปลี่ยนใจทีหลัง! (ตัวเกมมันจะให้เราเลือกว่าจะเข้าสู่ NG+ เลย หรือจะ ‘ชะลอ’ ไว้ก่อนก็ได้)
สรุปจากใจจริง: Starfield คือเกมที่ ‘ต้องเล่น’ ไหม? ❤️👍
หลังจากใช้ชีวิตในจักรวาล Starfield มากว่า 80 ชั่วโมง… สรุปจากใจจริงเลยนะเพื่อนๆ… ปิงรักเกมนี้ว่ะ! ❤️
ยอมรับว่า Bethesda อาจจะยังทำบางอย่างสู้ค่ายเกม RPG ยักษ์ใหญ่อื่นๆ ไม่ได้ (โดยเฉพาะเรื่องหน้าตาตัวละครและ Animation!) และมันก็ยังมีจุดที่น่ารำคาญ หรือขัดใจอยู่บ้างตามสไตล์ของค่ายนี้…
แต่! การที่พวกเขากล้าที่จะสร้างเกม ‘โคตรใหญ่’ ที่พยายามจะ ‘ทำทุกอย่าง’ ใส่เข้ามา ทั้งความเป็น RPG ลึกๆ, ระบบยิงปืนที่สนุกขึ้นมาก, การขับยานอวกาศต่อสู้, การสำรวจดาวเป็นพันๆ ดวง, การสร้างฐาน, การปรับแต่งยาน… มันคือ ‘ความทะเยอทะยาน’ ที่น่าทึ่ง และผลลัพธ์ที่ออกมา มันก็ ‘ยอดเยี่ยม’ ในแบบฉบับของ Bethesda จริงๆ!
ถ้าเพื่อนๆ กำลังมองหาเกม Bethesda RPG ขนานแท้ ที่มีสเกลใหญ่กว่า Skyrim หรือ Fallout 4 หลายเท่าตัว, ในธีมอวกาศสุดอลังการ, พร้อมระบบต่อสู้ที่พัฒนาขึ้นเยอะ, มีอิสระให้ทำอะไรก็ได้เป็นร้อยๆ ชั่วโมง, มีโลก (หรือจักรวาล!) ให้สำรวจแบบไม่รู้จบ… Starfield คือคำตอบที่ใช่เลย!
พวกเขาทำสำเร็จแล้ว! มันอาจจะไม่ใช่เกมที่สมบูรณ์แบบ 10/10 ในทุกด้าน แต่มันคือเกมที่มอบประสบการณ์การผจญภัยในอวกาศที่ยิ่งใหญ่และน่าประทับใจมากๆ! ไปหามาเล่นซะ! สนุกแน่นอน! ปิงรับประกัน! 👍
แล้วเพื่อนๆ ล่ะครับ? เล่น Starfield กันไปถึงไหนแล้ว? ชอบหรือไม่ชอบอะไรบ้าง? มีปืนเทพๆ หรือดาวสวยๆ อยากจะแนะนำปิงไหม? คอมเมนต์มาเม้าท์มอยกันได้เต็มที่เลยนะ! วันนี้ปิงต้องขอตัวไปขับยานสำรวจดาวเคราะห์น้อยต่อก่อน! ฟิ้ววว! 🚀